สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ว่า นางลิซ ทรัสส์ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ว่า เธอได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เพื่อกราบบังคมทูล ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และผู้นำพรรคอนุรักษนิยมโดยเธอจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำรักษาการ จนกว่าพรรคอนุรักษนิยมจะสามารถเฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่แทนได้


ทั้งนี้ ทรัสส์ รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังชนะ นายริชิ ซูนัก ในศึกเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำหญิงคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ต่อจาก นางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ และ นางเทเรซา เมย์

อย่างไรก็ตาม การดำรงตำแหน่งแบบมีอำนาจเต็มเพียง 45 วัน ทำให้เธอสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง เป็นผู้นำรัฐบาลซึ่งอยู่ในวาระสั้นที่สุดของสหราชอาณาจักร

อนึ่ง เสถียรภาพของรัฐบาลทรัสส์ ซึ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้ประมาณ 6 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนเศษ สั่นคลอนอย่างหนัก นับตั้งแต่มีการประกาศแผนปรับลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ปี 2515 เป็นวงเงินประมาณ 45,000 ล้านปอนด์ ( ราว 1.92 ล้านล้านบาท ) ครอบคลุมระหว่างปี 2569-2570 และมาตรการเยียวยาครัวเรือนในประเทศจากวิกฤติพลังงาน ซึ่งจะมีวงเงินสูงถึง 100,000 ล้านปอนด์ ( ราว 4.28 ล้านล้านบาท )


ทว่า “การไม่มีคำตอบชัดเจน” จากทรัสส์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะหาเงินทั้งหมดมาจากไหน สร้างความปั่นป่วนอย่างหนักให้กับตลาด จนเงินปอนด์อ่อนค่าอย่างหนักเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่น

แม้ต่อมา ทรัสส์ ปลด นายควาซี ควาร์เต็ง ออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง และแต่งตั้ง นายเจเรมี ฮันต์ ให้รับตำแหน่งแทน และ ฮันต์ ยกเลิกแผนเศรษฐกิจทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของทุกฝ่ายได้มากนัก.

เครดิตภาพ : REUTERS