รายงานข่าวจาก ไลน์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ทำวิจัย “ดิ เอฟวะลูชั่น ออฟ ไทย ลักซ์ชูรี่ อินดัสทรี” นำเสนอข้อมูลเชิงลึก ในการบริโภคสินค้าแบรนด์หรูของนักช้อปในประเทศไทย พบว่านักช้อปสินค้าแบรนด์หรูที่มีพฤติกรรมการซื้อสินค้า ที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงอายุและพฤติกรรม แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นักศึกษาและวัยเริ่มต้นทำงาน มีจำนวนสูงถึง 90% โดยมีขั้นตอนการตัดสินใจเลือกซื้อมาก และมองหาสินค้าที่ตนเองสนใจและต้องการเท่านั้น

กลุ่มผู้บริโภคอายุ 30-40 ปี มีจำนวน 8% ส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ โดยคนกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ง่าย และคาดหวังด้านการบริการในระดับปานกลาง และสุดท้ายกลุ่มซูเปอร์ วีวีไอพี อายุ 30-50 ปี มีจำนวน 2% ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ คนกลุ่มนี้นิยมซื้อสินค้าแบรนด์หรูบ่อยๆ และคาดหวังการบริการที่ดีที่สุด อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญด้านการดูแล ถนอมสินค้า และระมัดระวังการใช้งานมาก

ทั้งนี้ เรื่องราคาคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผ่านออนไลน์ของนักช้อปแบรนด์หรูในไทย จากผลสำรวจ พบว่า นักช้อปจะใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 25,900 บาท ในการซื้อสินค้าแบรนด์หรูผ่านช่องทางออนไลน์ หากแบ่งเป็นสัดส่วน พบว่า 21% ของผู้บริโภคออนไลน์ เต็มใจซื้อหากราคาต่ำกว่า 10,000 บาท และ 10% เต็มใจซื้อหากราคาอยู่ระหว่าง 40,001-50,000 บาท ส่วน 4% เต็มใจซื้อหากราคามากกว่า 100,000 บาท โดย 5 อันดับสินค้าแบรนด์หรูในดวงใจของนักช้อปไทย ได้แก่ กระเป๋าถือ นาฬิกา กระเป๋าสตางค์ รองเท้า และเสื้อผ้า

“สถานการณ์โควิดได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนและภาคธุรกิจมากมาย หลายธุรกิจซบเซา แต่ตรงกันข้ามกับ ตลาดสินค้าแบรนด์เนมลักซัวรี ที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วด้วยสถิติยอดขาย ในประเทศที่เติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ ซึ่งมีปัจจัยมาจากข้อจำกัดในการเดินทางไปช้อปนอกประเทศ สู่การปรับตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาซื้อสินค้าแบรนด์หรูในประเทศมากขึ้น และจะเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในระยะยาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่แบรนด์หรู จะต้องทำความเข้าใจและปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ขณะเดียวกันกลุ่มนักช้อป ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก คือ นักช้อปรุ่นใหม่ที่จะเติบโตสู่การเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ในอนาคต”.