สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่า ศาลฎีกาของสหราชอาณาจักร มีคำพิพากษาเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันพุธ ว่า การลงประชามติครั้งที่สองของสกอตแลนด์ ซึ่งอาจนำไปสู่การแยกตัวออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลกลาง และสภาสามัญในกรุงลอนดอน
อนึ่ง นางนิโคลา สเตอร์เจียน รัฐมนตรีที่ 1 ของสกอตแลนด์ ประกาศเมื่อช่วงต้นปีนี้ เกี่ยวกับแผนการลงประชามติในหัวข้อดังกล่าว เป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 19 ต.ค. 2566 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกลางในกรุงลอนดอน ยืนกรานจะไม่มีการอนุมัติเรื่องนี้อีก ซึ่งถือเป็นการหยั่งเสียง “ครั้งหนึ่งในชีวิต” เท่านั้น และเกิดขึ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2557 โดยผลปรากฏว่า 55.3% คัดค้านการเป็นอิสระจากสหราชอาณาจักร ส่วนเสียงสนับสนุนอยู่ที่ 44.7%
WATCH: UK's senior judges rule Scottish Parliament does not have the power to legislate for an independence referendum
— BBC Scotland News (@BBCScotlandNews) November 23, 2022
Follow reaction LIVE: https://t.co/IomNUSkDys pic.twitter.com/WgpFgfK06n
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสกอตแลนด์จึงยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดในกรุงลอนดอน ขอให้มีการวินิจฉัยว่า สกอตแลนด์สามารถจัดทำและผ่านกฎหมายเกี่ยวกับการลงประชามติได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาสามัญในกรุงลอนดอน ได้หรือไม่

ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต รีด ประธานศาลฎีกาแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สภาของสกอตแลนด์ไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ อ้างอิงตามกฎหมายสกอตแลนด์ ฉบับปี 2541 ซึ่งระบุชัดเจนว่า สภาของสกอตแลนด์มีอำนาจบัญญัติและบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีผลผูกพันเฉพาะภายในสกอตแลนด์เท่านั้น “กิจการใดก็ตาม” ที่ส่งผลต่อทั้งสหราชอาณาจักร จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาและผ่านการรับรองจากสภาสามัญในกรุงลอนดอน
ต่อมา สเตอร์เจียนกล่าวแสดงความผิดหวังต่อคำพิพากษาของศาลสูงสุดแห่งสหราชอาณาจักร และมองว่า “เป็นเพียงการตีความ” พร้อมทั้งยังคงกล่าวเป็นนัยว่า คำตัดสินของศาลฎีกา มีแต่จะยิ่งผลักดันสกอตแลนด์ ให้มุ่งมั่นสู่การเป็นเอกราชมากขึ้นเท่านั้น ส่วนบ้านเลขที่ 10 ดาวนิงสตรีท เผยแพร่แถลงการณ์ “เคารพและยอมรับ” คำตัดสินของศาลฎีกาในเรื่องนี้.
เครดิตภาพ : REUTERS