เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วาระที่ 2 และวาระที่ 3 เป็นวันที่ 2 ซึ่งเริ่มที่มาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลัง วงเงิน 10,948,797,100 บาท โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอลดงบกระทรวงการคลังเหลือ 10,945,262,429 บาท ในส่วนของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ที่กำลังมีปัญหาเรื่องผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ สูญหาย จากเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศ สิ่งที่รัฐบาลไทยควรทำตอนนี้คือ สร้างช่องทางการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม โดยไม่ผ่านกองทัพ แต่การที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมา จึงจำเป็นต้องตัดลดงบประมาณส่วนนี้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1.มิติเศรษฐกิจที่ชายแดนแม่สอด-เมียวดี ยังมีสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดน และจีดีพีเมียนมาปีนี้ติดลบ 18 เปอร์เซ็นต์ การช่วยเหลือรัฐบาลเมียนมาจึงไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง  

นายพิธา กล่าวอีกว่า 2.มิติหลักสากล ที่ทั้งสหประชาชาติและธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย ไม่มีหน่วยงานใดอนุญาตใดให้มีการเบิกจ่าย และชะลอโครงการช่วยเหลือพัฒนาเมียนมา หลังเหตุการณ์รัฐประหาร แต่การที่กระทรวงการคลังยังสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเมียนมา เป็นการส่งสัญญาณว่าเราให้คุณค่ากับการปกครองแบบใด จึงต้องขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงคลัง 

กระทั่งเวลา 10.55 น. ที่ประชุมสภาฯ เห็นชอบมาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลัง ตามที่ กมธ.แก้ไข ด้วยมติ 252 ต่อ 79 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง

จากนั้นเข้าสู่การพิจารณามาตรา 10 งบประมาณกระทรวงการต่างประเทศ วงเงิน 3,744,942,300 บาท โดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายว่า  สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทยที่ประจำการในทวีปยุโรป รวม 24 แห่ง ขณะที่ประเทศในยุโรป 27 ประเทศได้รวมตัวเป็นสหภาพยุโรป และดำเนินนโยบายซิงเกิ้ล มาร์เกต ซึ่งนโยบายหลักๆ ของเขาอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานรัฐไทยในยุโรปจำนวนมาก ขณะที่ในทวีปแอฟริกามีประเทศ 54 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศเกิดใหม่ และคาดว่าประชากรในทวีปนี้จะมีมากกว่าทวีปอื่นๆ แต่ไทยกลับมีสถานเอกอัครราชทูตอยู่ในแอฟริกา 7 แห่ง ตนจึงขอให้ตัดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ 5 เปอร์เซ็นต์ เพราะภารกิจของไทยในยุโรปควรลดภารกิจแล้วจัดทำลักษณะรวมศูนย์อยู่ในบางแห่ง ขณะที่หลายประเทศในยุโรปปรับลดภารกิจของตัวเองในทวีปเอเชียแล้วเช่นกัน

ต่อมา นายจิรัฎฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายว่า ตนขอเสนอตัดงบประมาณกระทรวงการต่างประเทศ 10 เปอรเซ็นต์ เนื่องจากยังพบการจัดซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นอยู่จำนวนมาก อาทิ การเสนอซื้อรถประจำตำแหน่งเอกอัครราชทูตใหม่ จำนวน 12 คัน ทั้งที่เพิ่งใช้งานไป 5-6 ปี โดยอ้างว่าค่าซ่อมแพงกว่า ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตัดไป 2 คัน ขณะที่การปรับปรุงก่อสร้างสนามเทนนิสที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน ได้ของบประมาณ 9 ล้านบาท ถูกตัดเหลือ 7 ล้านบาท อีกทั้งมีรายการขอจัดซื้ออื่นๆ อาทิ เก้าอี้ที่มีระบบนวดในตัว อุปกรณ์ฟิตเนส เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์ 4K ขนาด 60 นิ้วขึ้นไป โซฟารับแขก ราคาไม่ต่ำกว่า 70,000-80,000 บาท เครื่องคั้นน้ำผลไม้ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องทำน้ำแข็งก้อน ตู้แช่ไวน์ ตู้ไม้คลาสสิกสำหรับเก็บเอกสารซึ่งมีราคาเกือบแสนบาท ซึ่งทั้งหมดไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ไม่เข้าใจว่าทูตคือข้าราชการคนหนึ่ง ทำไมต้องเหนือกว่าข้าราชการคนอื่นด้วย การของบประมาณเช่นนี้คือการของบประมาณแบบไม่เห็นหัวประชาชน  ถ้าเขาคิดว่าตู้แช่ไวน์มีส่วนช่วยในเรื่องการเจรจาทางการทูต  เอกอัครราชทูตไทยก็ควรใช้เงินตัวเองไปซื้อ

จากนั้น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอตัดลดงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศ 120 กว่าล้านบาท เพราะใช้งบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์และปรับปรุงสถานเอกอัครราชทูตไทยอย่างมหาศาล แต่มีปัญหาเรื่องการให้บริการประชาชนช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีคนไทยตกค้างในต่างประเทศจำนวนมาก แต่มีปัญหาการติดต่อช่วยเหลือคนไทยไม่ให้เดินทางกลับประเทศไทยได้ทันท่วงที การติดต่อเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่ปรับปรุงการให้บริการ ปรับปรุงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกองค์กร อาทิ สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี สั่งซื้อผ้าม่าน 2 ชุด มูลค่า 736,000บาท ใช้มา 5 ปี ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซื้อชุดโซฟารับแขก 3 ชุด รวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท  

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า แต่เมื่อเทียบกับผลการรีวิวการทำงานของสถานเอกอัครราชทูตไทยเหล่านี้ในต่างประเทศ พบว่าผลการรีวิวแย่มาก อาทิ สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ถูกคนมาแสดงความคิดเห็นในเพจของสถานกงสุลใหญ่ไทยฯ ว่าโทรศัพท์ไป 20 ครั้ง ไม่มีคนรับสาย ทำงานแต่เฉพาะตอนบ่าย ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบูดาเปสต์ ถูกชาวต่างชาติร้องเรียนว่าเป็นสถานเอกอัครราชทูตไทยแย่ที่สุดในโลก ไม่รู้กฎหมายและสิทธิของประชาชนชาวฮังการี แต่ยังได้รับรางวัลเป็นชุดโซฟา 1.5ล้านบาท ซึ่งตนคิดว่าย้อนแย้งกันมาก ตนจึงขอเรียกร้องให้ควรตัวชี้วัดกระทรวงต่างประเทศในเรื่องผลการพึงพอใจการใช้บริการของสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่างๆ ด้วย 

ขณะที่นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า การปรับลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศตามความเห็นของคณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากนั้นเป็นไปอย่างเหมาะสม จากนั้น เวลา 11.30 น. ที่ประชุมลงมติเห็นชอบงบประมาณกระทรวงการต่างประเทศ ตามที่คณะกรรมาธิการฯ แก้ไข ด้วยคะแนน 244 ต่อ 98 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง