สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด รมว.การต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระดำรัสเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง ว่า ยังคงอยู่ท่ามกลาง “บรรยากาศอันตราย” ทุกประเทศในภูมิภาคต่างยังคงแสวงหาหนทางส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงให้กับตัวเอง


ในกรณีของอิหร่าน เมื่อใดก็ตาม ที่รัฐบาลเตหะรานเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์เชิงปฏิบัติการของตัวเองจนประสบความสำเร็จ เมื่อนั้น “แนวโน้มของสถานการณ์โดยรวมนับจากนี้ จะไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางได้อีกต่อไป”


เกี่ยวกับการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน เพื่อรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับปี 2558 ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันถอนตัวเมื่อเดือน พ.ค. 2561 แล้วกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว แต่การพบหารือระหว่างทั้งสองประเทศชะงักไปตั้งแต่เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา เจ้าชายไฟซาลทรงให้ความเห็น ว่า แม้รัฐบาลริยาดยังคง “มีความเคลือบแคลงสงสัย” เกี่ยวกับข้อตกลงฉบับนี้

อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียสนับสนุนความพยายามของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการปรับปรุงข้อตกลง “ภายใต้เงื่อนไข” ว่า “ต้องเป็นการเริ่มต้นใหม่”


อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย ตรัสในรายการ “60 นาที” ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐ ว่า ซาอุดีอาระเบียไม่ใช่ประเทศซึ่งต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่หากอิหร่านพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ได้ 1 ลูก ภายในเวลาอันรวดเร็วหลังจากนั้น ซาอุดีอาระเบียจะมีระเบิดแบบเดียวกันในจำนวนที่เท่ากัน.

เครดิตภาพ : REUTERS