ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ‘เจ้าชายแฮร์รี’ ทรงเปิดเผยข้อมูลหลายประการในหนังสือ ’Spare’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์และความทรงจำส่วนพระองค์ ซึ่งกำลังกลายเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ของคนทั่วไป หลังจากที่หนังสือดังกล่าวเริ่มออกวางจำหน่ายแล้วในประเทศสเปน

เจ้าชายแฮร์รีทรงยอมรับว่า เคยใช้สารเสพติดในสมัยที่ยังทรงเป็นนักเรียนที่โรงเรียนอีตัน นอกจากนี้ยังทรงรับว่า ใช้สารเสพติดหลายชนิดเป็นเวลาหลายปีในบางช่วงก่อนหน้านี้ ได้แก่ โคเคน, กัญชา และ ‘เห็ดวิเศษ’ หรือเห็ดขี้ควาย ซึ่งมีฤทธิ์หลอนประสาทและทำให้ผู้เสพมึนเมา โดยทรงอ้างว่าทำไปทั้ง “เพื่อความสนุก” และ “เพื่อการบำบัด” เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้พระองค์มองเห็น “ความจริง” ในโลกที่ทรงใช้ชีวิตอยู่

ในหนังสือเล่มล่าสุด เจ้าชายแฮร์รีทรงบรรยายถึงการสูบกัญชาในหลายโอกาส รวมทั้งความรู้สึกที่เหมือนกับโดน “ไล่ล่า” อย่างไม่หยุดยั้งโดยสื่อมวลชนแนวที่นิยมนำเสนอข่าวฉาว ทรงเล่าว่า ในปี 2559 เคยเสด็จไปที่แคลิฟอร์เนียกับกลุ่มเพื่อน และทรงดื่มเหล้าเตกิล่าพร้อมกับใช้ ‘เห็ดวิเศษ’ จนเมามายและเห็นภาพหลอน

หนังสือ ‘Spare’ ฉบับภาษาสเปนวางจำหน่ายก่อนฉบับภาษาอังกฤษ ซึ่งกำหนดวันขายไว้ในวันที่ 10 ม.ค.นี้

ก่อนหน้านั้นในยุคที่ยังทรงมีพระชนม์เพียง 17 ชันษา เจ้าชายทรงยอมรับว่าเคยลองเสพโคเคนที่บ้านเพื่อน แต่ไม่รู้สึกทรงโปรด โดยทรงอ้างสาเหตุที่ทดลองเสพว่าเป็นเพราะทรงรู้สึกว่า “ไม่มีความสุข” และเลิกเสพเพราะทรงเกรงถึงผลที่จะตามมา เนื่องจากเวลานั้นกำลังใกล้จะวันพระราชพิธีกาญจนาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 

เจ้าชายยังทรงเล่าในหนังสือว่า ในปี 2558 พระองค์ทรงเลิกเที่ยวกลางคืนและตรงกลับพระตำหนักนอตติงแฮม คอตเทจ ทันทีหลังเลิกทรงงาน แต่จะทรงสูบกัญชาหลังพระกายาการเย็น โดยระวังไม่ให้ควันลอยไปถึงบริเวณสวนของ “เพื่อนบ้าน” ซึ่งก็คือดยุคแห่งเคนต์

นอกจากนี้ เจ้าชายแฮร์รีในวัย 38 ชันษา ยังทรงเล่าถึงการทะเลาะวิวาทระหว่างพระองค์และพระเชษฐาในปี 2562 ที่พระตำหนักนอตติงแฮม คอทตเทจ โดยเจ้าชายแห่งเวลส์ไม่ทรงพอพระทัยและทรงบริภาษ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พระชายาชาวอเมริกันของเจ้าชายว่าเป็นคน “เรื่องมาก”, “หยาบคาย” และ “น่ารำคาญ” และจบลงที่พระเชษฐาทรงเหวี่ยงพระองค์จนล้มลงกับพื้น

หนังสือ ’Spare’ มีความหนา 416 หน้า ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ มีกำหนดที่จะวางจำหน่ายในร้านหนังสือทั่วไปอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ม.ค.นี้

แหล่งข่าว : telegraph.co.uk

เครดิตภาพ : REUTERS