จากกรณีที่ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าตลาดเทศบาลนครสุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สามารถบันทึกภาพ ขณะที่ นางสาวเพชรน้ำผึ้ง จิรจรัสนันท์ อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิไตรคุณธรรม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ขับขี่รถรับส่งผู้ป่วยโควิด-19 ได้นั่งโดยสารรถยนต์ ไปแวะซื้อของที่บริเวณตลาดดังกล่าว ปรากฏว่าระหว่างเดินขึ้นรถ ได้ทำกระเป๋าสตางค์ตกในบริเวณลานจอดรถ ภายในมีเงินสดกว่า 10,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เก็บไว้เติมน้ำมัน รับส่งผู้ป่วยโควิด-19 ระหว่างนั้นก็ได้มีรถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมคซ์ 4 ประตูสีขาว โหลดเตี้ย ล้อสีทอง และมีผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสีดำลงมาจากรถแล้วเก็บกระเป๋าเงิน เดินเข้าไปในตลาดแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุเกิดเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา ว่า พบรถกระบะต้องสงสัยที่เก็บกระเป๋าสตางค์ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ จอดอยู่ภายในร้านทำเครื่องเสียง ใกล้ปั๊มแก๊ส หนองยายบู่ หมู่10 ต.หนองขาม ไปตรวจสอบพบรถกระบะ อีซูซุ ดีแมคซ์ 4 ประตู สีขาว จอดอยู่ ซึ่งตรงกับลักษณะรถกระบะที่เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ทางเจ้าของร้านติดต่อเจ้าของรถมาที่ร้าน ซึ่งพบนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี เดินทางมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ

สอบสวนนางเอ ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนเก็บกระเป๋าสตางค์ใบดังกล่าวไปจริง และนำเงินไปใช้จ่ายกว่า 5,000 บาทแล้ว เหลือเงินสดเพียง 5,600 บาท ส่วนกระเป๋าสตางค์ได้นำไปโยนทิ้งในป่าหญ้าริมถนน ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าเป็นของใคร และไม่รู้ว่ามีกล้องวงจรปิดจับภาพได้ อย่างไรก็ตามตนเองพร้อมที่จะชดใช้เงินคืนให้ทั้งหมด

ขณะที่ น.ส.เพชรน้ำผึ้ง กล่าวว่า ตนเองได้ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดสดเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ในพื้นที่ ต.หนองขาม โดยขับรถส่วนตัวไปแล้วจะมาเปลี่ยนรถไปช่วยวิ่งรับส่งผู้ป่วยโควิดในตัวเมืองชลบุรี พอตนขึ้นรถแล้วออกมารู้ทีหลังว่าเงินที่จะเติมน้ำมันไว้สำหรับช่วยเหลือรับส่งผู้ป่วยโควิดได้หล่นหาย จึงย้อนกลับมาที่เกิดเหตุและขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดจากตลาดและบริเวณที่จอดรถก็พบว่าตนได้ทำหล่นไว้ที่ลานจอดรถหน้าตลาดจริง โดยมีผู้ที่เก็บกระเป๋าสตางค์ไป ซึ่งมากับรถกระบะคันดังกล่าว

เบื้องต้นทาง ร.ต.ท.หญิง วรางคณา เกตุอุดมสิน พนักงานสอบสวน สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งทางฝั่งผู้ที่เก็บกระเป๋าสตางค์ได้และนำเงินไปใช้จ่ายแล้ว ก็พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย และคืนเงินให้ทั้งหมด ในขณะที่ทางฝั่งผู้เสียหาย ก็พร้อมที่จะถอนแจ้งความให้ และขอให้ผู้ก่อเหตุอย่าไปทำเช่นนี้กับใครอีก เพราะช่วงนี้ทุกคนเดือดร้อน อย่าไปซ้ำเติมกันเลย.