จากกรณี เฮียเอ (นามสมมุติ) อายุ 67 ปี มหาเศรษฐี เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ถูกลูกชาย-สะใภ้ พร้อมพวกกักขังกรอกยาสลบหมูนานกว่า 2 ปี จัดฉากให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ก่อนยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนแม่ โอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้านบาท เมียผูกคอดับคาห้องหลังถูกจับแยกห้อง เชื่อโดนจัดฉากฆาตกรรม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 12 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านน้องชายเฮียเอที่บ้านอยู่ติดกัน น้องชายและหลานสาวเฮียเอ เล่าถึงวันที่พบพี่ชายกับพี่สะใภ้และนำตัวทั้งสองส่งโรงพยาบาลเมื่อ 2 ปีก่อนว่า เฮียกับภรรยาถูกขังบนชั้นสองของบ้าน สภาพมีอาการสับสน ภรรยาก็ลิ้นแข็ง ที่ปากมีคราบบางอย่างเปื้อน จึงถามเฮียว่าไปโรงพยาบาลมั้ย เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร จากนั้นได้อุ้มเฮียกับภรรยาไปโรงพยาบาล หมอได้ตรวจอาการแค่เบื้องต้นเนื่องจากเป็นเวลาค่ำ จึงต้องรอพบหมอเพื่อทำการตรวจอาการในช่วงเช้าของวันถัดไป จากนั้นลูกชายเฮียก็มาอ้างสิทธิขอรับพ่อแม่ออกจากโรงพยาบาลคืนนั้นทันที

ชีวิตยิ่งกว่าละคร! ลูกชายรวมหัวสะใภ้วางยาพ่อมหาเศรษฐี-จัดฉากฆ่าแม่ ฮุบสมบัติ65ล้าน

ซึ่งตนได้พยายามขอร้องหลานว่าให้ทั้งคู่นอนโรงพยาบาลพักฟื้นสักหน่อยแต่ก็ไม่เป็นผล และลูกชายเฮียได้นำพ่อแม่กลับออกจากโรงพยาบาลนำตัวไปยังบ้านของพ่อแม่ลูกสะใภ้ จากนั้นก็ไม่พบหน้าเฮียและภรรยาของแกอีกเลย ซึ่งตนก็คอยสอบถามถึงอาการป่วยของเฮียและภรรยาโดยตลอดแต่ก็ได้รับคำตอบว่า ทั้งคู่มีร่างกายและสุขภาพที่ดีและก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ตนก็พยายามขอเข้าไปพบหน้าแต่ถูกกีดกันและปฏิเสธมาโดยตลอด

น้องชายของเฮียเอ กล่าวอีกว่า ตอนแรกไม่รู้เลยว่าพี่ชายพี่สะใภ้ถูกวางยา เพราะหลานชายมักโพสต์ภาพทั้งคู่ลงโซเชียลในสภาพอยู่ดีกินดี หลังจับอาบน้ำแต่งตัวให้ จึงไม่เอะใจเลย ตอนที่พี่ชายและพี่สะใภ้ป่วยก็รู้ และก็พาญาติๆ เข้าไปดูเพื่อที่จะนำไปรักษาแต่ ลูกชายเฮียไม่ยอมให้เอาพ่อและแม่ไป อ้างสิทธิในการดูแลตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุการป่วยนั้นตนยืนยันว่าโดนวางยา ไม่ใช่โรคอัลไซเมอร์แน่นอน เนื่องจากโรคอัลไซเมอร์นั้นใช้เวลา แต่นี่จู่ๆ วันสองวันก็กินแล้วอ้วกตลอด ไม่สามารถกินข้าวได้ จึงมั่นใจว่าพี่ชายตนและพี่สะใภ้โดยวางยา

ด้าน พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามที่ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ ซึ่งได้ทำการตรวจสอบในหลายมิติเกี่ยวกับคดีนี้ โดยในขณะนี้มีความคืบหน้าไปบางส่วนแล้ว จากนี้จะเรียกผู้ใกล้ชิดมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมข้อมูลในการดำเนินคดีต่อไป.