เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดชื่อดังใน อ.เมือง จ.นคราชสีมา มีชาวบ้านได้เข้ามารวมตัวร้อยคนขับไล่ เจ้าอาวาส ว่า ประพฤติตัวไม่เหมาะสม โดยกลุ่มชาวบ้านอ้างว่าเจ้าอาวาส มีอะไรกับสีกาในห้องน้ำ และชอบดูหนังโป๊เสียงดังในกุฏิ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีเสียงโห่ร้องขับไล่จากชาวบ้านดังทั่ววัด และมีการลงชื่อเพื่อต้องการให้เจ้าอาวาสลาสิกขา หรือออกไปจากวัดทันที โดยชาวบ้านเสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ต่อมา พระอุดมปรีชาญาณ รองเจ้าคณะภาค 9 เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร พร้อมด้วย พระครูไพโรจน์ศีลคุณ เจ้าคณะตำบล เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้นำชุมชน ได้เดินทางมาเพื่อพูดคุย ชี้แจงและไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระหว่างพระกับชาวบ้าน โดยได้เรียกเจ้าอาวาส และพระลูกวัดอีก 3 รูป พร้อมด้วยชาวบ้านทั้งหมด เข้ามาพูดคุยกันในศาลาการเปรียญของวัด 

เบื้องต้นพระอุดมปรีชาญาณ ได้ชี้แจงขั้นตอนการร้องเรียนพระให้กับชาวบ้านทราบ และได้สอบถาม พระครูไพโรจน์ศีลคุณ เจ้าคณะตำบล ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทราบว่า หลังเกิดเหตุมีชาวบ้านที่ไม่พอใจในพฤติกรรมของเจ้าอาวาส จึงได้ไปร้องเรียนที่เจ้าคณะตำบล และทางเจ้าคณะตำบลได้แต่งตั้งกรรมการ เข้ามาไต่สวนมาก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่ได้ตัดสินผลสรุปและได้ส่งเรื่องไปที่เจ้าคณะอำเภอ เพื่อทำการไต่สวนต่อไป สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน ฝ่ายที่จะเอาผิดเจ้าอาวาสเนื่องจากสุดทนกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ต้องการให้เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวออกจากพื้นที่ทันที ส่วนชาวบ้านอีกฝ่ายยังยืนยันในความบริสุทธิ์ของเจ้าอาวาส โดยอ้างว่าเหตุการณ์ในห้องน้ำเป็นการเข้าใจผิด เพราะเป็นการจ้างสีกาเพื่อมาทำความสะอาดห้องน้ำเพียงเท่านั้นและอยากขอความเป็นธรรมให้เจ้าอาวาส

ล่าสุด เจ้าอาวาส ตัดสินใจจะออกจากพื้นที่ไปก่อนเพื่อความสบายใจของชาวบ้าน แต่หากขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนแล้วเสร็จ และพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด จะขอกลับมาเป็นเจ้าอาวาสของวัดบ้านกล้วยเช่นเดิม

ด้าน พระลูกวัดรูปหนึ่งเปิดเผยถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของเจ้าอาวาสว่า ตนเคยได้ยินเสียงเจ้าอาวาสเปิดดูหนังโป๊เสียงดังในกุฏิ เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสเป็นพระหูตึงจึงได้เปิดเสียงดังลั่นออกมานอกกุฏิ พร้อมยืนยันว่า เจ้าอาวาสมีพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมกับสีกาในห้องน้ำจริง เนื่องจากตนได้ยินกับหู พร้อมทั้งมีคลิปภาพแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากกลัวเรื่องการฟ้องร้อง โดยจะมอบให้กับกรรมการไต่สวนและผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวใช้เวลาพูดคุยกันกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้น เจ้าอาวาสและชาวบ้านต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันด้วยความสงบและไม่เกิดความรุนแรง ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนของคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา โดยจะให้ความความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายต่อไป