เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรี ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 8 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ว่า ถูกนายหน้ารายหนึ่งชักชวนกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง อ้างว่ามีแค่บัตรประชาชนใบเดียว ก็กู้เงินได้ตามความต้องการ ทำให้มีชาวบ้านในหมู่บ้านหลายสิบคนหลงเชื่อไปกู้เงิน แต่วันทำเรื่องกู้กลับพาไปทำเรื่องกันบนรถตู้กลางป่าแห่งหนึ่งที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว มีการเก็บบัตรประจําตัวประชาชนทุกคนพร้อมกับสแกนใบหน้าบนรถตู้ จากนั้นก็ให้เซ็นเอกสารบางอย่าง พอเสร็จเรื่องบอกว่าให้รอรับเงินเข้าบัญชี และรอรับมือถือที่ทางธนาคารจะส่งไปให้ถึงบ้านเพื่อกดเช็กยอดเงินตามยอดที่กู้ได้เลย แต่สุดท้ายเหยื่อทุกรายกลับได้เงินไม่ครบบ้าง เป็นหนี้เกินกว่ายอดที่กู้ไปบ้าง สร้างความเดือดร้อน

นายอรรถพล (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มีเพื่อนบ้านชักชวนให้ไปกู้เงินของธนาคารแห่งหนึ่ง ตัดสินใจกู้โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วย แต่วันทำเรื่องขอกู้ กลับพาไปทำบนรถตู้ที่จอดอยู่กลางป่าแห่งหนึ่ง ใช้เวลาไม่นาน มีคนบอกว่าทำเรื่องกู้เสร็จแล้วรอรับเอกสารพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของทางธนาคารที่จะมอบให้ไว้เช็กเงินเข้า โดยตนได้ทำเรื่องกู้ไป 1.6 แสนบาท

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น 1 เดือนได้รับเอกสารจากธนาคารแห่งหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือใหม่ที่ส่งมาให้กดดูมียอดเงินเข้าบัญชีประมาณ 6 หมื่นบาท จากยอดที่ทำเรื่องกู้ 1.6 แสน จากนั้นก็มียอดเงินเข้าอีกก้อนหนึ่ง แต่รวมแล้วเหลือยอดเงินที่ไม่ได้รับ 43,749 บาท พอสอบถามไปยังคนที่พาไปกู้เงินก็บอกว่า เป็นยอดที่ถูกหักค่าคอม และไม่ได้บอกอะไรอีก ต่อมามีหนังสือแจ้งชำระหนี้ของธนาคารแจ้งมายังตนว่า จะต้องผ่อนส่งทางธนาคารเดือนละ 4,600 บาท จากเงินต้น 1.6 แสนบาท จากนี้จะไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

ด้านป้าออง (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนไปกู้เงินวันที่ 14 ส.ค.64 ได้เงินกู้วันที่ 24 ส.ค. โดยขึ้นรถตู้ที่หน้าวัดบ้านไผ่ ไปทำเรื่องกู้เงินที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ต่อมาคนพาไปกู้บอกว่า กู้เงินได้ 6.5 หมื่นบาท แต่ภายหลังบอกว่า ตนเป็นหนี้ 1.62 แสนบาท ต้องผ่อนส่งเดือนละ 7,500 บาท จึงรีบไปสอบถามเพื่อนบ้านอีกหลายคนโดนเหมือนกัน หลังจากนี้จะรวมตัวไปแจ้งความที่ สภ.กบินทร์บุรี ไว้เพื่อเป็นหลักฐานทันที.