เรียกว่าหัวใจกลับมาเป็นสีชมพูอีกครั้ง สำหรับศิลปินคุณภาพ เจ้าของน้ำเสียงใส แพรว-คณิตกุล เนตรบุตร ที่ตอนนี้กำลังดูใจกับ ครูพี่ป๊อป ณัฐพงศ์ นําศิริกุล พิธีกร ครูสอนภาษา ผู้ประกาศ และนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง ซึ่งมีภาพหวาน ๆ ออกมาให้แฟน ๆ ได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยถือเป็นการรีเทิร์นรักกันอีกครั้งในรอบ 20 ปี และเป็นรักในเวอร์ชั่นที่ต่างคนต่างเติบโตขึ้น เข้าใจกันและกันมากขึ้น วันนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” เลยไม่พลาดไปพูดคุยกับแพรวถึงความรักครั้งนี้กันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

Q : อีกหนึ่งเซฟโซนของ “แพรว” เชื่อว่าน่าจะเป็น “ครูพี่ป๊อป” ณ วันนี้เป็นยังไงบ้าง?

แพรว : ความสัมพันธ์โอเคค่ะ จริง ๆ เราสองคนทำงานเยอะมาก และไม่ค่อยมีเวลาให้กัน อย่างแพรวทำหมู่บ้าน ทำโรงแรม ทำเพลง ทำหลายอย่าง สมาธิเราก็จะไปหลาย ๆ ที่ บางทีเขาเองก็ยุ่งเหมือนกัน แต่เราก็คุยกันมาก่อนที่จะเป็นแฟน ประมาณปีครึ่ง เราก็เริ่มชินกันแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ และเราก็รู้สึกว่าดี เพราะว่าเราได้ทำอย่างอื่นเต็มที่ เราได้เป็นตัวเราในแบบฉบับนี้ และเขาก็เข้าใจ เราอยากทำอะไรก็ทำเลย มีอิสรภาพ มีเวลาเขาก็จะมากินข้าวกัน เอาขนมมาบ้างหลังเลิกงาน มาเซอร์ไพร้ส์จะมีบ้าง (ยิ้ม)

Q : จากรักครั้งก่อนที่จบลงไป จนกระทั่งความสัมพันธ์ครั้งนี้ อะไรทำให้เปิดใจคุยกับ “ครูพี่ป๊อป”?

แพรว : มันก็โตแล้ว และเรารู้สึกว่าเราเคยเจอกันมาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นแฟนกันมารอบหนึ่ง ทีนี้ตอนนั้นเลิกกันด้วยเหตุผลที่ไร้สาระ คือเราไม่เคยรีเทิร์นกับใครอยู่แล้ว แต่เหตุผลที่มาลองคุยกันใหม่ เพราะเหมือนเราเป็นคนใหม่ด้วยกันทั้งคู่ จาก 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ติดต่อเลย นั่นคือศูนย์ เพราะเมื่อก่อนมันจะมีไฮไฟว์ และไฮไฟว์มันก็ปิด เราก็ไม่ได้เจออีก ไม่ได้คุยเลย เพราะฉะนั้นไม่ได้สนทนาด้วยอีกเลยตลอด 20 ปีนี้ มันเลยกลายเป็นคนใหม่ คือถ้าเรายังคุยอยู่ เรารู้สึกว่าจะมาเป็นแฟนคงไม่ใช่ แต่อันนี้หายไปแล้วอยู่ดี ๆ ก็โผล่ขึ้นมาใหม่ เลยกลายเป็นว่าเอาใหม่ เพราะเขาวันนั้นกับวันนี้ก็ไม่เหมือนกัน เหตุผลที่เลิกกันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ๆ มันเป็นเรื่องเด็ก ๆ ที่ว่าวันนี้เราขี้เกียจคุยแล้ว เรื่องแบบทำไมเขากล้ามใหญ่และก็ยังกิน เมื่อก่อนพอเราเข้ามหาวิทยาลัย เราอยู่ปี 3 เขาอยู่ปี 1 เพิ่งเริ่มไปปาร์ตี้กับพวกเรา ก็คิดว่าเด็ก เมาไม่เป็น ล้มอยู่นั่นแหละ แล้วตัวก็หนักขี้เกียจแบก เลิกเลย (ยิ้ม) มันเป็นแบบนั้น ไร้สาระมาก มันไม่ใช่เหตุผลที่แย่ จนตอนนี้เขาดูแลตัวเองได้แล้ว มันเลยโอเค เริ่มใหม่

Q : เรียกว่าคนที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสมได้มั้ย?

แพรว : ตอนนั้นไม่ใช่ ไม่ได้ทั้งคู่ (หัวเราะ) แพรวคงไม่ใช่สำหรับเขาเหมือนกัน เพราะว่าจะให้เราไปนั่งคอยดูแล ก็ไม่เอาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ถึงเราไม่มีเวลาไปดูแลมาก ๆ แต่เขาก็สามารถดูแลตัวเองได้ดีมาก ๆ แล้ว ชอบตรงที่เขาไม่ต้องเป็นคนที่ต้องการการดูแลเยอะ เราก็สบายดี

Q : สิ่งที่ประทับใจที่สุดในตัว “ครูพี่ป๊อป” คืออะไร?

แพรว : เขาก็พัฒนาไปเรื่อย ๆ ในการที่เราคบกัน ในการคุยกัน เขาค่อนข้างเปิดเผย อธิบายในความรู้สึกทุก ๆ อย่าง คำว่า ‘ไม่มีเวลา’ แต่เขาไม่เคยไม่มีเวลาที่จะโทรฯ มา ไม่มีเวลาแต่คอยโทรฯ มาคุย ไม่ได้ขาดตกบกพร่อง เรารู้สึกว่ามันเสมอต้นสมอปลายมาเป็นปีกว่า เขาชวนเป็นแฟนเราถึงเป็น เพราะคุยกันมาตั้งปีกว่าแล้ว ก่อนที่จะตกลงกัน ไม่อยากที่จะเลิกแล้วก็เลิกอีก ก็เลิกอีกเหรอ แล้วก็ยังไงอ่ะ เป็นคนแบบเลิกแล้วกลับไปรีเทิร์นง่าย ๆ แบบนี้เหรอ ไม่ใช่แบบนั้น เริ่มก็ต้องดูกันใหม่รึเปล่า

Q : จากประสบการณ์ที่ผ่านมา “แพรว” ความคาดหวังในรักครั้งนี้ยังไง?

แพรว : มันหลายอย่างด้วย เมื่อก่อนนี้ก่อนจะมาเจอป๊อบ หรืออะไรก็ตาม เรามีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าเราจะอดทน จากเดิมไม่อดทนเลย เลิกง่าย ไปเลย ขี้เกียจแบกก็ไป ขี้เกียจไปล้มที่ไหน ไม่อยากอุ้มก็เลิกกัน แต่พอสักพักหนึ่ง เริ่มมาเป็นคริสเตียน เริ่มรู้สึกว่าเราต้องอดทนนาน แต่เราลืมข้อหนึ่งคือ ‘รักเพื่อนบ้าน เหมือนรักตัวเอง’ รักคนอื่นให้เท่ากับตัวเราเอง และตอนนี้เลยไม่มีวันไหนที่เราจะรักใครมากกว่าที่เรารักตัวเรา หรือเราจะมองแค่ตัวเรา ไม่มองคนอื่นเลย มันก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นอันนี้ถูกต้องที่สุด เรามองแล้วว่าเขามีสิทธิที่จะทำอันนี้ เขามีสิทธิที่จะไม่ชอบที่เราทำอันนี้ เรามีสิทธิที่จะไม่พอใจที่เขาทำอันนี้ แต่เราจะไม่ไปโทษเขา แต่เราจะคิดเองว่า เราไหวมั้ย ถ้าเราไม่ไหว ก็ต้องบอกว่าเราไม่ใช่สไตล์ ไม่ใช่ทาง ทีนี้ก็ง่าย พอเรามีโค้ดว่ารักเท่ากัน มันก็จะง่ายในการจัดการ ว่าเขาเป็นแบบนี้มา อันนี้ไม่ใช่เขา แต่เป็นความต้องการของเรา ทีนี้เขาไม่ผิดนะ เขาเป็นมาตั้งนาน ถ้าเราไม่โอเคเราต้องเป็นคนจบเอง ไม่ใช่ไปบังคับเขา มันกลายเป็นว่ามันง่ายในการจัดการขึ้น และเราก็เข้าใจโลกมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น และเข้าตัวเองมากขึ้นด้วย

Q : แปลว่ารักครั้งนี้ราบรื่น ไม่ต้องปรับตัวเข้าหากันแล้ว เพราะใช้ความเข้าใจเป็นหลัก?

แพรว : จริง ๆ มันก็มีนะ เพราะเราคนละศาสนาด้วย มันอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเซนซิทีฟมาก แต่มันก็ผ่านมาได้ เพราะว่าเราไม่เคยไปนั่งบอกให้ใครมาเป็นคริสเตียนอยู่แล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่เขาคิดว่าถ้าเป็นแฟน ต้องแต่งงาน เป็นครอบครัว หรืออะไรก็แล้ว มันต้องไปไหว้มั้ย ซึ่งอันนี้คุยกันเคลียร์จบ เพราะตอนแรกก็ชัดเจนว่า ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้ เราต้องขออนุญาตออกมา มันช่วยอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ มันเปลี่ยนใครไม่ได้ ไม่อยากเปลี่ยนเขา ไม่อยากเปลี่ยนเรา เราต้องจบไป ถ้าสมมุติเขาไม่โอเค เราเข้าใจทุกอย่าง สรุปแล้วก็โอเคนะ ก็เข้าใจกันได้ค่ะ (ยิ้ม)

เห็นแววตาที่สดใสระหว่าง “แพรว” เปิดใจเรื่องความหัวใจ ทำให้เชื่อว่ารักครั้งนี้กับ “ครูพี่ป๊อป” น่าจะเป็น “คนที่ถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม” และเชื่อว่า “รักเพื่อนบ้าน เหมือนรักตัวเอง” ซึ่งเป็นคำสอนของ “พระเยซู” จะทำให้รักครั้งนี้ยืนยาวแน่นอน

ภาพ : IG pop.kruppop , preawkanitkul