สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ว่า องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น ( จาซา ) ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับความพยายามส่งจรวด “เอช3” จากฐานยิงภายในศูนย์อวกาศ ทาเนงะชิมะ นอกชายฝั่งเกาะคิวชู เมื่อเวลา 10.37 น. ของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ( 08.37 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) เพื่อนำส่งดาวเทียมสำรวจโลก ซึ่งมีการติดตั้งอุปกรณ์สังเกตการณ์ด้านความมั่นคง ที่รวมถึงระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ


อย่างไรก็ตาม เมื่อจรวดทะยานขึ้นไปได้ไม่นาน ปรากฏว่า เครื่องยนต์ส่วนที่สองของจรวดไม่ทำงาน หอปฏิบัติการภาคพื้นดินจึงตัดสินใจป้อนคำสั่ง “ทำลายตัวเอง” ไปยังจรวด เนื่องจากหากวัตถุขนาดยักษ์ดังกล่าวตกลงสู่พื้นดิน แน่นอนว่าย่อมก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง

เจ้าหน้าที่ขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น ( จาซา ) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่ศูนย์อวกาศทาเนงะชิมะ หลังเกิดความล้มเหลวในการส่งจรวด “เอช3”


ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ ( เอ็มเอชไอ ) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาจรวดเอช3 ร่วงลง 1.8% ในช่วงหนึ่งของการซื้อขายช่วงเช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังจาซายืนยันการทำลายจรวดเอช3 เนื่องจากย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนก.พ. ที่ผ่านมา จาซาพยายามส่งจรวดเอช3 มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต้องระงับกลางคัน เนื่องจาก “เกิดความขัดข้องทางเทคนิค” ในขั้นตอนการจุดระเบิดเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง ส่งผลให้จรวดซึ่งมีความสูง 57 เมตร ไม่สามารถออกเดินทางได้


อนึ่ง ซึ่งถือเป็นจรวดขนาดกลางรุ่นแรกในรอบ 3 ทศวรรษ ที่บริษัทของญี่ปุ่นพัฒนาเองในทุกขั้นตอน เพื่อลดการพึ่งพิงเทคโนโลยีอวกาศของตะวันตก โดยมีเป้าหมายหลัก คือการส่งดาวเทียมโคจรรอบโลก และการส่งเสบียงขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ( ไอเอสเอส ) ที่ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศเข้าร่วมโครงการ.

เครดิตภาพ : REUTERS