“อินเทอร์เน็ต” เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ และสร้างโอกาส ขณะเดียวกัน ก็เหมือน “ดาบสองคม” ที่มีภัยออนไลน์ ในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่สร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้งาน!!
การท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย ด้วยการมีทักษะด้านดิจิทัล ที่ช่วยให้รู้เท่าทัน “กลลวงออนไลน์” จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน!?! “กูเกิล” ยักษ์ไอทีระดับโลก ที่มีผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆมากกว่าพันล้านคน ก็ให้ความสำคัญต้องการช่วย ให้ทุกคนท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย
ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น ทาง “แจ็คกี้ หวาง” ผู้อำนวยการประเทศไทย ของ กูเกิล ประเทศไทย บอกว่า การเพิ่มทักษะดิจิทัล ให้คนไทยรู้เท่าทันกลลวงออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ กลุ่ม Gen Z หรือ คนรุ่นใหม่ ที่เกิดมาในยุคดิจิทัล ที่ชอบใช้เวลากับการออนไลน์ และ ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ หรือเริ่มเข้ามา ใช้งานออนไลน์ครั้งแรก

จากการวิจัยด้านความรับผิดชอบทางดิจิทัล หรือ Digital Responsibility ในประเทศไทยที่จัดทำโดยนีลเส็น พบว่าความกังวล 3 อันดับแรก คือ การแฮก กลโกงออนไลน์ และการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นไทยมี ความกังวลเกี่ยวกับการแฮกมากที่สุด เนื่องจากมีการใช้งานด้านโซเซียลมีเดียสูง การโดนแฮกเกอร์ นำบัญชีของพวกเขา ไปใช้ ถือเป็นปัญหาใหญ่ ที่อาจส่งผลกระทบด้านชื่อเสียง!!
ขณะที่ข้อกังวัลใน 3 อันดับแรกของ ผู้สูงวัย คือ การสูญเสียทรัพย์สิน จากการตกเป็นเหยื่อ Phishing หรือ ถูกหลอกให้โอนเงิน และข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล จนนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สิน ส่วนอันดับ สอง คือ ข่าวปลอม และอันดับสาม คือ เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ที่จะมีผลต่อครอบครัวที่มีเด็ก
ทั้งนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาและความกังวลเหล่านี้ กูเกิล จึงได้จัดงาน “Safer Songkarn” ขึ้นเป็นปีที่สอง ระหว่างวันที่ 29 มี.ค.-2 เม.ย. ณ ลานด้านหน้า Lido Connect สยามสแควร์ โดยหวังว่า ทุกคนได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต พร้อมมีทักษะดิจิทัล ไหวพริบ รู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถ ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างชาญฉลาด รอบคอบ และปลอดภัย และคนในครอบครัวได้ใช้โอกาสช่วงสงกรานต์ ที่ได้พบปะกันได้ แบ่งปันข้อมูลที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถ ท่องโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

ด้าน “สายใย สระกวี” หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรและมวลชนสัมพันธ์ กูเกิล ประเทศไทย บอกว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนมาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้นและมีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้น แน่นอนว่า คนมาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ก็มีความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งอินเทอร์เน็ต นอกจากมีความรู้แล้ว ยังมีมิจฉาชีพและ มีการใช้วิธีที่ซับซ้อนมากขึ้น!!
ขณะเดียวกัน จากข้อมูลของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เดือน มี.ค.65-ก.พ. 66 มีการแจ้งความเกี่ยว กับอาชญากรรมไซเบอร์ เกือบ 2 แสนคดี สร้างมูลค่าความเสียหายสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท!! โดยเรื่องที่มีการแจ้งความ มากที่สุด คือ กลโกงช้อบปิ้งออนไลน์ ซึ่งมีการแจ้งความถึง 6.1 หมื่นคดี รองลงมาคือการหลอกให้ทำธุรกรรมการเงิน มีการแจ้งความถึง 2.6 หมื่นคดี!! นอกจากนี้งานวิจัยดีลอยท์ ระบุว่า กว่า 90% ของการโจมตีทางไซเบอร์เกิดจาก อีเมล Phishing ที่มิจฉาชีพจะสร้างหน้าอีเมลให้เหมือนกับอีเมลที่ได้รับเป็นปกติ เมื่อผู้ใช้งานไปกดลิงก์ ก็ตกเป็นเหยื่อ
สิ่งที่น่ายินดี คือ กูเกิลพบ ว่าในช่วง 2-3 ปี นี้ คนไทยตื่นตัวและใส่ใจในเรื่องภัยออนไลน์เพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 66 นี้ ผู้คนในไทยค้นหาเกี่ยวกับ “การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง” (Misinformation) และ “กลโกง” (Scam) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึง “การหลอกลวงทางข้อความ” (SMS Phishing) ที่กลายเป็นหัวข้อด้านความปลอดภัย ไซเบอร์ ที่ถูกค้นหามาก เป็นอันดับหนึ่งในปี 65 และมีการค้นหาการสร้างพาสเวิร์คที่ปลอดภัย สูงสุดในรอบ 10 ปี
ผู้บริหารของ กูเกิล ประเทศไทย บอกต่อว่า ยังได้ร่วมมือกับ YouTube ครีเอเตอร์ ชั้นนำ แชร์เคล็ดลับและเครื่องมือเพื่อความปลอดภัยออนไลน์ ผ่านการสร้างคอนเทนต์ เพื่อให้ความรู้ แก่คนไทยเกี่ยวกับความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ในด้านต่างๆ และวิธีรับมือกับการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องด้วย !?!
อย่างไรก็ตาม กูเกิล ยังได้มีนโยบายสร้างความปลอดภัย ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ ผลิตภัณฑ์ นโยบาย และโครงการต่างๆ โดยในส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีการรักษาความปลอดภัยในตัว ที่มีการตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามด้วย เอไอ เช่น จีเมล สามารถตรวจจับได้สแปมได้ถึง 10 ล้านฉบับต่อนาที ส่วนกูเกิล โครม ที่สามารถปกป้องอุปกรณ์มากว่า 5,000 ล้านเครื่องโดยอัตโนมัติ จะเตือนเมื่อมีการเข้าไปในเว็บไซต์ที่อันตรายไม่ปลอดภัย รวมถึงมีเครื่องมือตรวจสอบ ด้านความปลอดภัย เช่น การยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน หรือ 2SV (2-Step Verification) ซึ่งพบว่าช่วยลดบัญชีที่ถูกแฮกได้มากกว่า 50% รวมถึงมี พาสเวิร์ด เมเนเจอร์ ที่ช่วยให้สร้างพาสเวิร์ดได้ปลอดภัย ฯลฯ

และยังได้อัปเดตฟีเจอร์ ‘About This Result’ ภาษาไทยบน Google Search เพื่อให้คนไทยสามารถประเมิน ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้สะดวกและง่ายดาย โดยสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล ความปลอดภัยเมื่อเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์นั้นๆ เพียงแค่กดปุ่มสามจุดด้านขวาบนของผลการค้นหา โดยเปิดให้บริการในไทย เมื่อ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา
ส่วนนโยบายก็จะมีหลักเกณฑ์ของชุมชน หรือ คอมมูนิตี้ ไกด์ไลน์ ที่ใช้เป็นแนวทางในการรับมือกับ ภัยออนไลน์ และสุดท้ายโครงการต่างๆ ที่ได้ร่วมทำกับพาร์ตเนอร์ เช่นโครงการ Be Internet Awesome ที่ครบ 3 ปี ได้อบรมความปลอดภัยทางออนไลน์ให้กับ ครู และนักเรียน ไปแล้ว กว่า 3.4 ล้านคน ฯลฯ
ทั้งหมดหวังว่าจะมีส่วนช่วยให้คนไทยเพิ่มทักษะ ตระหนัก และรู้เท่าทันกลลวงออนไลน์!?!
จิราวัฒน์ จารุพันธ์