ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโลกออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์สนั่น หลังจากมีคุณแม่ท่านหนึ่ง ได้ออกมาทวีตข้อความตัดพ้อกับกฎระเบียบการเเต่งการของนักเรียนไทย โดยเธอกล่าวว่า “ชุดนักเรียน​ 3 ชุด​ กับถุงเท้า​ 6 คู่​ 1,870 บาท ยังไม่รวมค่าปักชื่อ​ รองเท้านักเรียน+รองเท้าพละ ชุดลูกเสือ+อุปกรณ์ เป้นักเรียน หนังสือเรียน (ค่าเทอมจ่ายไปแล้ว) และนี่คือลูกน้อยแค่คนเดียว​ บ้านไหนมีลูกหลายคนมีกระอัก เราว่าเสื้อนักเรียนสีขาวตัวละ 300​ บาท แพงมากๆ”

นอกจากนี้เธอยังแนบใบเสร็จ ที่ทางร้านค้าได้แจงรายละเอียดและราคาดังนี้
– กางเกงนักเรียน จำนวน 3 ตัว = 870 บาท
– เสื้อนักเรียน จำนวน 3 ตัว = 900 บาท
– ถุงเท้า จำนวน 6 คู่ = 100 บาท
รวมทั้งหมด 1,870 บาท

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เรียกได้ว่าผู้ปกครองหลายบ้านต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นประเด็นดังกล่าวล้นหลาม โดยหลายคนมองว่า เครื่องแบบนักเรียนแพงมาก และแพงขึ้นทุกปี ซึ่งมันสวนทางกับรายได้ของผู้ปกครองที่ไม่เพิ่มขึ้น อาทิ
“อยากให้เลิกแต่งเครื่องแบบนักเรียน”
“รัฐไม่เคยช่วยเหลือประชาชน”
“ที่เชียงรายเสื้อนักเรียนตัวละ 400 ซื้อเมื่อวาน”
“ของเราลูก 2 คนค่ะ คนโตขึ้น ป.4 ชุดนักเรียน, พละ, ลูกเสือ รวมทั้งรองเท้าและถุงเท้า ต้องซื้อใหม่หมด เพราะโตขึ้น คนเล็กเพิ่งเข้า อ.1 ชุดนักเรียน, พละ, เครื่องนอน, รองเท้า, ถุงเท้า, กระเป๋า รวมๆ แล้ว 2 คน ประมาณ 7,000 ค่ะ แพงมาก ยังไม่รวมค่าเทอมโรงเรียนเอกชนธรรมดา คนละหมื่นปลายๆ”

“ของเราขึ้น ป.4 ปีนี้ เปลี่ยนใหม่ยกเซต โดยเฉพาะชุดเนตรนารีแพงมากค่ะ ชุดหนึ่ง 700 กว่า ยิ่งรองเท้านี่เปลี่ยนทุกปี ไม่ขาดก็คับ เพราะนางเท้ายาว ชุดเนตรสำหรับเราแพงและไม่มีประโยชน์ แต่ต้องซื้อ เพราะ รร. มีสอน หมดแบงก์เทาเกือบ 3 ใบแหนะปีนี้ นี่ลูกสาวคนเดียวนะเนี่ย”
“เหตุผลที่ต้องยกเลิก คือ เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาบุตรแก่ผู้ปกครอง ไม่ใช่แค่เพราะเด็กไม่อยากใส่ การศึกษาฟรีไม่มีจริง”
“ต้องมีราคาควบคุมแล้ว ชุดและเครื่องแบบนักเรียน”