จากกรณีที่เพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับ โครงการศึกษาดูงาน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี โดยมีการโพสต์ภาพและข้อความว่า “แสวงหาความร่วมมือทางวิชาการ ทริปหนีร้อนไปพึ่งเย็น บินลัดฟ้าตะลอนทัวร์ดูงานแดนปลาดิบ ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 6 วัน 5 คืน ดูงานจริงแค่ครึ่งวันเช้า สามวันที่เหลือเที่ยวชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ล่องเรือโจรสลัดที่ทะเลสาบอาชิ ชอปปิงย่านชินจูกุ เพลินเพลิดกับการแช่ออนเซ็น และรายการท่องเที่ยวอื่นๆ อีกเพียบ

โปรแกรมสุดว้าวนี้ เป็นของ ม.ราชภัฏกาญจบุรี ทำโครงการแสวงหาความร่วมมือทางวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากความสำเร็จของประเทศชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ขนเอาระดับหัวหน้าและคณาอาจารย์มหาวิทยาลัย กว่า 36 คน ไปกันระหว่าง 7-12 พ.ค. 2566 ให้เบิกจ่ายใช้งบประมาณเงินฝากคลัง ภายหลังจากเพจดังกล่าวได้โพสต์ข้อความนี้ ทำให้โลกโซเชียลได้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเนื้อหาและภาพประกอบโพสต์ดังกล่าว รวมถึงมีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้งบประมาณในการศึกษาดูงานว่าเกิดประโยชน์ในการนำความรู้กลับมาพัฒนาสถานศึกษาอย่างคุ้มค่าหรือไม่”

ความคืบล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ได้พบกับ อาจารย์พวงรัตน์ เชื้อรบ ชาญสตพัชร ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับงบประมาณที่นำไปใช้ศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น มันเป็นส่วนของเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นงบในการพัฒนาบุคลากร งบประมาณดังกล่าวถูกจัดสรรขึ้นมาตั้งแต่ปี 2561 จนกระทั่งปีนี้จึงมีการนำงบมาใช้ในการพัฒนาบุคลากร ซึ่งกลุ่มของบุคลากรในส่วนนี้ก็จะมีคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

ในส่วนเรื่องที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ก็จะขอชี้แจงในภาพรวมว่าตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 2566 รวมวันเดินทางด้วย เราขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิช่วงประมาณสี่ทุ่ม ซึ่งตลอดวันที่ 7 เป็นเรื่องของการเดินทาง จากประเทศไทยไปประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 8 พ.ค. 2566 ช่วงประมาณ 07.00 น. แล้วมีกระแสว่ามีการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สนามบินหลังจากลงเครื่องแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งมันมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการของทางมหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้เราต้องรีบเดินทางไป มหาวิทยาลัยสึคุบะ ก่อน 09.00 น. หลังจากเสร็จการศึกษาดูงานเราก็ได้นั่งรถกลับไปที่โรงแรม ส่วนภาพโออิชิปาร์คที่ปรากฏอยู่ตามสื่อตอนนี้ เป็นทางผ่านก่อนถึงโรงแรม ซึ่งโออิชิปาร์คกับโรงแรมอยู่ไม่ไกลกันมาก เราได้ลงรถแล้วก็ถ่ายรูป ใช้เวลาอยู่ที่โออิชิปาร์คประมาณ 15-30 นาที นั่นคือส่วนหนึ่งของภาพที่ปรากฏอยู่ตามสื่อ

จากนั้นก็เดินทางกลับโรงแรมซึ่งจะเห็นได้ว่าจะมีการถ่ายภาพกับภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งโรงแรมที่พักอยู่นั้นสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ โดยภาพที่ปรากฏที่มีการกระโดดด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิตรงนั้นก็คือบริเวณด้านหน้าของโรงแรม ในส่วนที่มีการวิจารณ์ว่ามีการพักโรงแรมหรู จริงๆ แล้วโรงแรมที่ไปพักน่าจะอยู่ที่ประมาณสามดาว และอาหารที่ทานก็เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ส่วนในภาพที่มีการใส่ชุดถ่ายรูปเป็นชุดที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ อีกทั้งการแช่ออนเซ็นก็เป็นบริการของโรงแรมอยู่แล้ว ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

ในส่วนที่บอกว่าล่องเรือโจรสลัด จริงๆ แล้วมันคือเป็นการนั่งเรือโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที และที่บอกว่ามีการไปเดินชอปปิง ในส่วนนั้น มันอยู่นอกเหนือการดูงานแล้ว เป็นเวลาฟรีไทม์ในช่วงเย็น ซึ่งทุกการเดินทางไปในที่ต่างๆ ยืนยันว่าทางมหาวิทยาลัยได้ไปศึกษาดูงานทั้งทางด้านศิลปะ วิถีชีวิต และทางเทคโนโลยี เพื่อศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการพัฒนามหาวิทยาลัยในด้านต่างๆ ไม่ได้มีนัยนอกเหนืออื่นใด การเดินทางมาที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้เราใช้เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นเพียงแค่ 4 วันเท่านั้น รวมการเดินทางด้วยอีก 2 วัน เป็น 6 วัน

สำหรับเรื่องที่มีการนำไปโพสต์ลงในโลกโซเชียล ทางมหาวิทยาลัยมองว่ามันเป็นเรื่องของการตรวจสอบที่สามารถทำได้แต่ทาง มหาวิทยาลัยก็ทำอยู่ในกรอบของกฎหมายตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็จะได้พัฒนาและปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป.