เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจากเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้ออกมาเล่าเรื่องของสาวท้องแก่รายหนึ่งที่ไปใช้บริการโงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอได้มาเจาะเลือดตามปกติ แต่รอบนี้เจ้าหน้าที่หยิบยาผิดให้รับประทาน โดยปกติเธอจะต้อนกินน้ำตาลแต่ เจ้าหน้าเอายาชามาให้เธอกินถึง 2 ขวด โดยเธอเล่ารายเอียดว่า

“มาเจาะเลือดที่ xxx ละเขาเอายาให้กินผิด ปกติต้องกินน้ำตาลแต่เขาเอายาชามาให้กิน 2 ขวด ก็นึกว่าเปลี่ยนยาให้ เริ่มเอะใจเลยถามหมอว่าเปลี่ยนยาเหรอ หมอบอกไม่ได้เปลี่ยน เท่านั้นเเหละเริ่มมีอาการปากชามือชาเวียนหัว ซักพักนึงคือขยับตัวไม่ได้แล้ว ได้ยินทุกอย่างแต่ตอบโต้อะไรไม่ได้เลย เริ่มมีอาการเวียนหัว มือเท้ากระตุกตลอด พอซักพักนึงคือแขนขากระตุกแรงมากเหวี่ยงไปเองไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หายใจไม่ออก กรี๊ดเหมือนจะชักเหมือนคนกำลังจะตาย จังหวะนั้นคือกลัวตายมากกลัวลูกในท้องจะเป็นอันตราย คือแล้ว จนท.คนที่ให้ยาผิดมาขอโทษ xxxยกโทษให้นะ แต่ไม่ยอมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

นอกจากนี้เธอยังได้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า “มาเล่าให้ละเอียดค่ะ ตอนนี้เริ่มมีสติพอจะจำรายละเอียดได้แล้ว เราท้อง 37+3 วีก วันจันทร์ที่ 22 พ.ค. 2566 มีนัดเจาะเลือดตรวจเบาหวานตรวจต่างๆ นานา แล้วต้องกลืนน้ำตาล จนท.เขาก็เรียกให้ไปรับขวดยาเหมือนขวดน้ำตาลมากิน เราก็ดูดไปละคือมันขมแล้วชาที่ปากที่คอ เลยหยุดกินแปปนึง ในใจคิดว่าเราคงมีอะไรผิดปกติรึป่าวเขาถึงเอายาขมๆ มาให้กินคือไม่ได้คิดว่ามันอันตรายเพราะว่ามา รพ.ไม่ได้คิดว่าจะเจอความสะเพร่าแบบนี้

แล้วคือเขาเรียกชื่อเราเข้าไปตรวจเราบอกว่ายังกินไม่หมดค่ะมันขม แต่ไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือเปล่า ด้วยความที่อยากกลับไวๆ ก็เลยกลั้นใจกินจนหมด 2 ขวดแล้วเดินไปบอกเขาว่ากินหมดแล้ว แล้วพยาบาลก็เรียกเข้าห้องตรวจฟังเสียงหัวใจลูกพอดี เราเลยถามว่าหมอเปลี่ยนยาเหรอคะทำไมมันขม แต่เขาตอบว่าไม่ได้เปลี่ยนนะกินน้ำตาลต้องหวานสิ เราเลยบอกว่าเรากินมันขมแล้วก็ชาปากชาคอ เขาเลยให้เราไปหยิบขวดมาดู สรุปคือมันไม่ใช่น้ำตาล แต่มันคือยาชาที่เบิกมาเพื่อจะเอาไว้ฝังเข็มยาคุม แล้วเขาให้นั่งรอ ประมาณ10นาทีคือนั่งไม่ได้ตาจะปิดเวียนหัว พอเขาพยุงไปนอนคือยามันออกฤทธิ์แรงมากปากพูดไม่ได้ตาลืมไม่ได้ แต่รู้สึกอยู่ตลอดแต่ขยับไม่ได้เลย

เริ่มเวียนหัวแบบบ้านหมุนราวๆ 20 นาทีได้มือเท้ากระตุกตลอดความดันขึ้น จนต้องวัดคลื่นหัวใจพอซักพักเริ่มหายใจไม่ออกร่างกายเริ่มกระตุกรุนแรงขึ้นขาดอากาศไปแปปนึงตอนนั้นคือในตาที่หลับมันมืดดำไปเลยพยายามอ้าปากให้มีอากาศเข้าสติเริ่มหายแต่มีอากาศเฮือกสุดท้ายที่หายใจเข้าตอนที่กรี๊ดออกมา ตอนที่กรี๊ดคือมันควบคุมไม่ได้เลยมันคือลมหายใจสุดท้ายจริงๆในตอนนั้น พอได้หายใจเข้าอีกครั้งคือแบบน้ำตาไหลเลยกลัวตัวเองตายกลัวลูกในท้องตาย ตอนนี้ยังตกใจไม่หายเลยมันคือเฮือกสุดท้ายจริงๆ”

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ต่างก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย..

ขอบคุณภาพประกอบ : อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6