สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเดนปาซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ว่า นายวายัน คอสเตอร์ ผู้ว่าการจังหวัดบาหลี กล่าวในการแถลงข่าวเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งประพฤติตัวไม่เหมาะสม, ทำกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในวีซ่า, ใช้คริปโตเพื่อชำระเงิน และฝ่าฝืนข้อกำหนดอื่น ๆ จะต้องรับโทษหนักตามกฎหมาย

“การดำเนินการที่เข้มงวด มีตั้งแต่การไล่ออกนอกประเทศ, การลงโทษทางปกครอง, โทษทางอาญา, การปิดสถานประกอบการ และบทลงโทษรุนแรงอื่น ๆ” คอสเตอร์ กล่าวเพิ่มเติม พร้อมกับย้ำว่า ห้ามมีการใช้สกุลเงินอื่น ที่ไม่ใช่สกุลเงินรูเปียห์ สำหรับการชำระเงินในอินโดนีเซีย

อนึ่ง ตามกฎหมายของอินโดนีเซีย ผู้ใดก็ตามที่ใช้สกุลเงินอื่น นอกเหนือจากสกุลเงินรูเปียห์ อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับสูงสุด 200 ล้านรูเปียห์ (ราว 464,000 บาท)

“ผู้ที่ดำเนินกิจกรรมธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางอินโดนีเซีย (บีไอ) อาจได้รับโทษจำคุก 1-5 ปี และถูกปรับตั้งแต่ 50-22,000 ล้านรูเปียห์ (ราว 116,000 บาท-51 ล้านบาท)” คอสเตอร์ ระบุ “นอกจากนี้ การฝ่าฝืนข้อกำหนดใด ๆ จะมีโทษทางปกครอง ในรูปแบบของการว่ากล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร, ภาระผูกพันในการชำระค่าปรับ และการห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมการชำระเงิน”

ขณะที่ นายทริสโน นูโกรโฮ ผู้อำนวยการธนาคารกลางอินโดนีเซีย สาขาจังหวัดบาหลี กล่าวว่า แม้สกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งที่ได้รับอนุญาตในอินโดนีเซีย “ในฐานะสินทรัพย์” แต่มันถูกห้ามนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการชำระเงิน.

เครดิตภาพ : AFP