สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งรัฐของรัสเซีย (เอฟเอสบี) ออกรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นเอสเอ) “มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด” กับบริษัทแอปเปิล โดยอุปกรณ์สื่อสารหลายพันเครื่องของแอปเปิลนั้น “ติดไวรัส” ซึ่งรวมถึงไอโฟนของเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในหลายประเทศ ส่งผลให้ข้อมูลรั่วไหล
ในเวลาเดียวกัน บริษัทแคสเปอร์สกี หนึ่งในผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เอฟเอสบีเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่ของแคสเปอร์สกี ในกรุงมอสโก แล้วนำสมาร์ตโฟนหลายสิบเครื่องของพนักงานไปตรวจสอบ ทำให้พบ “ปฏิบัติการจารกรรมที่ซับซ้อนและมีความเป็นมืออาชีพ” และเชื่อว่า แคสเปอร์สกีไม่ใช่บริษัทของรัสเซียเพียงแห่งเดียว ซึ่งตกเป็นเหยื่อของการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ครั้งนี้
In an unusual claim, Russia accused US intelligence of hacking thousands of iPhones https://t.co/j34okzLV0Z
— Bloomberg (@business) June 1, 2023
ทั้งนี้ นายยูจีน แคสเปอร์สกี ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแคสเปอร์สกี กล่าวว่า ร่องรอยการเจาะระบบที่เกิดขึ้น สามารถสืบค้นย้อนหลังได้จนถึงปี 2562 และเชื่อว่า “ยังคงมีความพยายามดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน”
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่ากรณีดังกล่าวคือความพยายามจารกรรมข้อมูลโดยหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลวอชิงตัน โดยอาศัย “ช่องโหว่” ของซอฟต์แวร์อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผลิตโดยบริษัทของสหรัฐเอง
ด้านรัฐบาลวอชิงตันและแอปเปิลยังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่นานหลังรัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 สหรัฐประกาศว่า บริษัทแคสเปอร์สกี “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ”.
เครดิตภาพ : AFP