กรมตำรวจนครนิวยอร์ก แถลงถึงกรณีวัยรุ่นชาย 2 ราย ที่เสียชีวิตเนื่องจากเหตุการณ์คล้ายคลึงกันภายในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกิดจากกระแสการ ‘เล่นเซิร์ฟรถไฟ’ ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นที่ชอบเล่นพิเรนทร์
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่าน เวลาประมาณ 17.30 น. ตำรวจพบ เจวอน เฟรเซอร์ วัยรุ่นชายอายุ 14 ปี จากย่านคานาร์ซี นอนหมดสติอยู่ที่บริเวณยกพื้นชานชาลาสถานีถนนสายที่ 33 และถนนรอว์สัน ในย่านควีนส์โบโรห์ หลังจากมีผู้โทรฯ แจ้งเหตุฉุกเฉิน
เจ้าหน้าที่นำตัว เฟรเซอร์ ส่งโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ โดยทีมแพทย์ระบุว่า เขาเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บซึ่งเกิดจากการพลัดตกจากที่สูง
ก่อนหน้านั้นราว 1 สัปดาห์ ในวันที่ 22 มิ.ย. 2566 ก็มีผู้พบร่างของวัยรุ่นชายอายุ 14 ปี 2 คน นอนหมดสติอยู่ที่ชานชาลาสถานีรถใต้ดินในย่านบรูคลิน โดยมีบาดแผลตามตัว วัยรุ่นชายที่ชื่อว่า ไบรอัน เครสโพ เสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ขณะที่เพื่อนของเขารอดชีวิต แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และอาจจะเดินไม่ได้ตลอดชีวิต
ทีมสืบสวนเชื่อว่า วัยรุ่นทั้งสองกำลัง ‘เล่นเซิร์ฟรถไฟ’ ซึ่งหมายถึงการลักลอบไต่ขึ้นไปบนหลังคาตู้โดยสารรถไฟใต้ดิน และเดินเล่นหรือทำกิจกรรมอยู่บนนั้น โดยคาดว่าขบวนรถที่ทั้งสองปีนขึ้นไป คือรถไฟสายแอลที่วิ่งวนรอบเขตแมนฮัตตัน ทั้งสองคนน่าจะโดนกระแทกระหว่างที่รถไฟวิ่งขึ้นรางยกระดับในอุโมงค์และพลัดตกลงมา
ความจริงแล้ว การเล่นเซิร์ฟรถไฟมีมานาน ตั้งแต่เริ่มมีการใช้ขนส่งมวลชนระบบรางในนิวยอร์ก เมื่อปี 2447 แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ การเล่นเสี่ยงตายดังกล่าวกลายเป็นกระแสนิยมในหมู่วัยรุ่นชาย มักมีการท้าทายและกดดันในกลุ่มเพื่อนให้ขึ้นไปเล่นเซิร์ฟบนหลังคารถไฟสายต่าง ๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยติดตามจับกุมและตามไปแจ้งพฤติกรรมลูกหลานถึงบ้านผู้ปกครอง
ด้าน เอริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ก็ออกมาตำหนิว่า กระแสการเล่นพิเรนทร์จนทำให้มีวัยรุ่นหลายคนต้องสังเวยชีวิตนี้ เป็นเพราะอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น ติ๊กต็อก โดยมีหัวข้อ ‘เล่นเซิร์ฟรถไฟในนิวยอร์ก’ ปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์มให้เลือกดูคลิปที่มีคอนเทนต์เกี่ยวกับการเล่นเซิร์ฟรถไฟ
ขณะเดียวกัน ทางโฆษกของ ติ๊กต็อก ก็แถลงว่า ทางแพลตฟอร์มได้ตรวจจับและลบคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเสี่ยงตายเหล่านี้ออกไปแล้ว โดยมีทีมงานมืออาชีพมากกว่า 40,000 คน ทำหน้าที่ตรวจสอบคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม และคอยลบทิ้งคอนเทนต์ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ชมได้
ที่มา : usatoday.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES