สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนีอาเม ประเทศไนเจอร์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ว่า สภาแห่งชาติเพื่อการพิทักษ์มาตุภูมิหรือคณะรัฐประหารไนเจอร์ ภายใต้การนำของ พล.อ.อับดูราฮามาเน ทีเชียนี ออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่าคณะผู้แทนของฝรั่งเศส แอบพบหารือกับประธานคณะกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของไนเจอร์ “เพื่อขอการอนุมัติ” ให้รัฐบาลปารีส “ใช้มาตรการทางการเมืองและการทหาร” ต่อไนเจอร์


ด้านนางแคเธอรีน โคลอนนา รมว.การต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดของคณะรัฐประหารไนเจอร์ “ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง” และเรียกร้องการคืนอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิดการยึดอำนาจ พร้อมทั้งเผยด้วยว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ยังคงมีโอกาสสนทนากับบาซูมเป็นระยะ


ขณะเดียวกัน โคลอนนาประณามมวลชนฝ่ายสนับสนุนการรัฐประหาร ซึ่งพยายามทำลายทรัพย์สินและบุกรุกเข้าไปภายในสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงนีอาเม เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเป็น “ม็อบจัดตั้งซึ่งมีการเตรียมการล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี”


ด้านพรรคไนเจอร์เพื่อประชาธิปไตยและสังคมนิยม (พีเอ็นดีเอส) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลพลเรือนไนเจอร์ ออกแถลงการณ์ว่า รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน กระทรวงเหมืองแร่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม ถูกจับกุม และจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม


ส่วนประชาคมเศรษฐกิจแอฟริกาตะวันตก (อีโควาส) ประกาศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่าคณะรัฐประหารไนเจอร์ต้องคืนอำนาจให้แก่บาซูม ภายใน 7 วัน มิเช่นนั้น อีโควาสจะใช้ “มาตรการที่จำเป็นตามกรอบของกฎหมาย” เพื่อฟื้นฟูอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจรวมถึง “การใช้มาตรการทางทหาร”


ปัจจุบัน ไนเจอร์มีประชากรราว 25 ล้านคน เป็นประเทศในทวีปแอฟริกาซึ่งไม่มีทางออกโดยตรงสู่ทะเล และเป็นหนึ่งในประเทศมีฐานะทางเศรษฐกิจยากจนที่สุดของภูมิภาค เคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสนาน 60 ปี จนได้รับเอกราชเมื่อปี 2503 หลังจากนั้น ไนเจอร์เผชิญกับการรัฐประหารมาแล้ว 4 ครั้ง และความพยายามอีกนับครั้งไม่ถ้วน ในจำนวนนี้ 2 ครั้ง เป็นความพยายามโค่นอำนาจบาซูม วัย 63 ปี ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2564.

เครดิตภาพ : AFP