เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาจนะจิตรา สายสุนทร ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศและด้านสิทธิมนุษยชน และทีมงานมูลนิธิกระจกเงา เข้าพบ พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย ผกก.สภ.ป่าโมก และ ร.ต.อ.สุรสิทธิ์ ใจเที่ยง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อให้ถ้อยคำเป็นพยานในคดีที่ ครูปุ๊ หรือ น.ส.กัลยา ทาสม อดีต ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 รับเด็กเมียนมา 126 คน เข้าเรียน และถูกเจ้าหน้าที่รัฐตั้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 นำเด็กต่างด้าวเข้าเรียนในราชอาณาจักรไทย ก่อนถูกส่งกลับประเทศ

ผอ.รร.ให้การศึกษาเด็กต่างด้าว ร่ำไห้ร้องสภาทนายฯ โดนตร.แจ้งข้อหาพ.ร.บ.คนเข้าเมือง

อีกทั้งยังถูกสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง ตั้งกรรมการสอบวินัย กล่าวหาว่าไม่ได้ดําเนินการตามขั้นตอนกับพวก จนถูกแจ้งความดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่า พาเด็กต่างชาติเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และ ให้ที่พักพิงฯว่า เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี พศ. 2548 เรื่องการให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กที่ไม่สามารถยืนยันสัญชาติได้ ดังนั้นการกระทำของ ผอ.กับพวกจึงเป็นการดำเนินการตามมติ ครม.ที่สถานศึกษาทั่วไปใช้กัน จึงไม่ผิดกฎหมาย

นายจาตุรนต์ เปิดเผยว่า การส่งเด็กกลับโดยไม่หาที่เรียนให้เขาเสียก่อน แล้วส่งกลับไปเลยเป็นการละเมิดสิทธิในการเรียนของเขา ถ้าเป็นด้านนโยบายต้องผ่อนผันให้เขาอยู่เรียนต่อ ต้องให้เขาเรียนไปก่อน เนื่องจากเปิดเทอมแล้ว ระหว่างนั้นฝ่ายความมั่นคงทาง ตม. จะดำเนินการอย่างไรก็ไปคิดให้เรียบร้อย หากมีนโยบายส่งกลับก็ต้องดูว่ากลับไปแล้วได้เรียนหนังสือหรือเปล่า คือต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย เข้าใจว่ามันมีความเป็นมาอย่างไร เนื่องจากว่า มีมติ ครม. เรื่องการให้เด็กไม่มีสัญชาติไทยได้เรียนหนังสือ ได้เสนอต่อสภาความมั่นคง ซึ่งสภาความมั่นคงเห็นชอบ ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลที่เป็นมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อ 12 ม.ค. 2548 จึงเป็นที่มาของการเดินทางมาเป็นพยานในครั้งนี้