ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสันติภาพ โทนหงส์สา เกษตร จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานอารักขาพืช นักวิชาการเกษตร สำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และผู้นำชุมชน ลงพื้นที่สุ่มสำรวจโรคใบด่างในแปลงปลูกสำปะหลังของเกษตรกรในตำบลเชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากปัจจุบันพบว่าโรคใบด่างมันสำปะหลังกำลังระบาด โดยเบื้องต้นพบระบาดใน 5 อำเภอ กว่า 2,000 ไร่ ซึ่งทำให้เกษตรกรไม่ได้ผลิตตามเป้าหมาย

นายสันติภาพ โทนหงส์สา เกษตร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับ จ.กาฬสินธุ์ มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั้งหมด 296,494 ไร่ ซึ่งสถานการณ์โรคใบมันสำปะหลังในขณะนี้ ล่าสุดพบการระบาดใน 5 อำเภอ ซึ่งขณะนี้ทางเกษตรอำเภอ รายงานเข้ามารวม 1,942 ไร่ และมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากยังมีเกษตรกรบางส่วนไม่แจ้งเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง ทางสำนักงานเกษตรอำเภอต่างๆ อยู่ระหว่างการเร่งลงพื้นที่สำรวจการระบาดอย่างแท้จริงอยู่

นายสันติภาพ กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุของโรคใบด่างมันสำปะหลังนั้น มีอยู่ 2 ส่วน สาเหตุแรก คือมาจากท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่เกษตรกรสั่งซื้อจากทางเอกชน และซื้อทางออนไลน์ ซึ่งยังไม่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานราชการ และเป็นพันธุ์ที่ไม่ทนต่อโรคใบด่าง สาเหตุอีกส่วนหนึ่งคือแปลงมันสำปะหลังในพื้นที่เกิดการระบาดของโรคอยู่แล้ว และมีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะโรคจากแปลงที่ระบาดกระจายไปยังแปลงมันสำปะหลังข้างเคียง

นายสันติภาพ กล่าวว่า ในส่วนแนวทางการป้องกันเบื้องต้น ทางสำนักงานเกษตรได้สร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องเกษตรกรทุกรูปแบบ ทั้งการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ จัดการอบรม ประชุมงานรณรงค์ วิทยุ หอกระจายข่าวหมู่บ้าน รวมทั้งให้นักวิชาการเกษตรที่รับผิดชอบแต่ละตำบล ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกร นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนโรงแป้งมันในพื้นที่ สนับสนุนงบประมาณบางส่วนในการเข้าทำความเข้าใจกับเกษตร แต่ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากเป็นพื้นที่ใหญ่ เป็นพื้นที่แหล่งปลูกและผลิตมันสำปะหลังสำคัญของประเทศไทย ดังนั้นทางเกษตรจังหวัด จะมีการปูพรมในการสร้างการรับรู้และการป้องกันกำจัดโรคนี้อย่างจริงจังและรวดเร็ว เพื่อให้เกษตรกรได้ผลผลิตมันสำปะหลังเต็มเม็ดเต็มหน่วย และเพื่อทำให้พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ปลอดจากโรคใบด่างมันสำปะหลังต่อไป

นายสันติภาพ กล่าวต่อว่า สำหรับพันธุ์มันสำปะหลังที่พบเกิดโรคใบด่างในพื้นที่ขณะนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นพันธุ์ที่เรียกว่า CMR89 ที่ทางเอกชนผลิตขึ้นมาใหม่ ปลูกแล้วหัวมันใหญ่ หากไม่เกิดโรคเกษตรกรหวังไว้ว่าจะได้ผลผลิตสูง แต่มีข้อเสียคืออ่อนแอ ไม่ทนทานต่อโรค และหากเกิดโรคใบด่างแล้วจะให้ใบหงิกงอ หัวมันลีบเล็ก ไม่เจริญเติบโต เปอร์เซ็นต์แป้งน้อย ซึ่งทางราชการแนะนำพันธุ์ปลูกประมาณ 4-5 พันธุ์ เช่น เกษตรศาสตร์50, ห้วยบง60, พันธุ์ระยอง ซึ่งเป็นพันธุ์หลัก ทั้งนี้ในปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ มีบทบาทกับเกษตรกร โดยเฉพาะการโฆษณา ทำให้เกษตรกรอยากลองของใหม่ๆ โดยยังขาดความรู้ และไม่คำนึงถึงความต้านทานของโรค จึงเป็นสาเหตุสำคัญของการระบาดในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทราบว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรพบต้นมันสำปะหลังโรคใบด่างควรที่จะถอนแล้วทำลายทิ้ง ไม่ต้องไปเสียดาย เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดกระจายขยายวงกว้างออกไป หากปล่อยไว้ยิ่งจะทำให้เกิดผลกระทบ และผลผลิตเสียหายหนักกว่าเดิม เพราะต้นมันสำปะหลังที่ประสบปัญหาโรคใบด่าง หากเทียบกับต้นมันปกติ ระยะเวลาการปลูก ลำต้นนั้น จะแตกต่างกันอยากมาก ซึ่งมันสำปะหลังที่เป็นโรคผลผลิต จะเหลือเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ จาก 100 เปอร์เซ็นต์