เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ เจ๊ม้อยv plus โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 2.45 นาที เป็นคลิปเหตุการณ์ขณะที่ วินจยย.รับจ้างรายหนึ่ง จอดรถขวางรถแท็กซี่ พร้อมโต้เถียงกับคนขับและผู้โดยสารในรถแท็กซี่ อ้างว่า ไม่มีสิทธิ์รับผู้โดยสารจากในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมบอกว่า หากจะไปข้างนอก ให้ลงมาจากรถ แล้วจะพาไปส่งด้านหน้า เนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่าง วินจยย.กับ แท็กซี่ แต่ผู้โดยสารบอกว่า รีบไปโรงพยาบาล เพราะแม่ป่วย

เพจเจ๊ม้อยv plus ยังระบุข้อความว่า “#คุณไม่มีสิทธิ์ข่มขู่ใคร !!! เป็นสิทธิ์ของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้บริการ น้องรีบที่จะไปโรงพยาบาลเพราะแม่ป่วย แต่คุณมาจอดขวางถนนเช่นนี้มันสมควรหรือไม่ บังคับให้ผู้โดยสารลงจากรถ ช่วยออกมาอธิบายให้สังคมได้เข้าใจกับสิ่งที่คุณทำด้วย ฝากหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบค่ะ นิคมบางปะอิน อยุธยา ผมไปส่งผู้โดยสารหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง แล้วก็ช่วงนั้นพนักงานเขาเลิกงานพอดี และรถเขาเสีย เขาเรียกรถผมเพื่อให้ส่ง พอมาถึงปากซอยวินก็ตามมาปาดหน้าและบอกให้ลง ผู้โดยสารก็รีบผมถอยรถเพื่อจะขับออกมาครับ”

ทั้งนี้หลังจากคลิปดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ชาวเน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า เป็นสิทธิ์ของผู้โดยสารที่จะเลือกใช้บริการรถประเภทไหนก็ได้ บ้างก็เสนอให้ยุบวินจยย.นี้ หรือ ให้ออกจากนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินไปเลย

ต่อมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า จากกกรณีมีคลิปข่าว ศึกวินจยย.ปะทะคารมกับแท็กซี่ กรณีรับส่งผู้โดยสารภายในนิคมอุตสาหกรรม นั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวพร้อมด้วย พ.ต.ท.กิตติธร ศัลยรื่น สวป.หน.จร.สภ.บางปะอิน เดินทางไปตรวจสอบ ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พบกับ นายประพันธ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี คนขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเบอร์ 19 คนที่อยู่ในคลิปดังกล่าว

นายประพันธ์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ช่วงประมาณวันพุธ ตอนเย็น ๆ ขณะนั้นมีรถแท็กซี่คันดังกล่าวเข้ามาส่งผู้โดยสารภายในนิคมบางปะอิน ตึก 4 จากนั้นวิ่งรถเปล่าออกมาตรงบริเวณหน้าตึก 2 แล้วมีผู้โดยสารโบกให้รถแท็กซี่คันดังกล่าวรับ ตนเองมองมาเป็นการรับผู้โดยสารตัดหน้าตรงบริเวณหน้าวิน ซึ่งห่างกันไม่ถึง 10 เมตร ตนเองจึงโบกให้แท็กซี่คันดังกล่าวจอด แล้วก็มีการอธิบายว่าไม่สามารถเข้ามารับผู้โดยสารภายในนิคมได้ ก็จึงพยายามสอบถามว่าผู้โดยสารจะไปไหนหากจะไปไกลกว่านี้ก็ให้ลงก่อนเดียวตนเองจะไปส่งหน้านิคม แล้วก็ให้รถแท็กซี่คันดังกล่าวสามารถรับที่บริเวณหน้านิคม ออกไปส่งผู้โดยสารที่อื่นได้ และก็มีการถกเถียงกันตามคลิปที่ออกเป็นข่าว

ตนเองมองว่า ถึงผู้โดยสารจะมีสิทธิ์เลือกการใช้บริการ แต่ตนเองก็มองว่าการที่คนเรามีอาชีพ บริการในการขับรถรับจ้าง ก็ไม่ควรที่ จะเอาเปรียบซึ่งกันและกัน หากเข้ามารับได้ รถแท็กซี่ที่จอดอยู่หน้านิคมก็คงเข้ามารับผู้โดยสารภายในนิคมกันหมดแล้ว แต่มันก็เป็นข้อตกลงระหว่างคนขับแท็กซี่กับวินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งแบ่งพื้นที่การทำมาหากินก็เท่านั้นเอง ซึ่งทุกวันนี้ก็มีผู้โดยสารน้อยอยู่แล้ว บางวันได้เพียงไม่ถึงร้อยบาท พอมาเกิดเหตุการแบบนี้ จึงรู้สึกโมโห จึงได้กระทำการดังกล่าวไป แต่ตนเองไม่ได้พูดจาหยาบคายแต่อย่างใดแค่อธิบายให้ฟัง

ด้าน พ.ต.ท.กิตติธร ศัลยรื่น สวป.หน.จร.สภ.บางปะอิน กล่าวว่า เบื้องต้นทราบข่าวแล้ว จึงได้ลงมาพื้นที่เกิดเหตุทำความเข้าใจได้ว่ากล่าวตักเตือน คนขับรถวินจยย คันดังกล่าว ซึ่งตรวจสอบว่าคนขับรถจยยรับจ้างคันดังกล่าว เป็นรถจยยวินถูกต้องตามกฎหมาย แต่ขณะวันที่ เกิดเหตุรถ คันที่ขับขี่คันดังกล่าวซ่อมอยู่ จึงนำรถลูกสาวมาใช้วิ่งแทน จึงทำให้ต้องมีการสั่งปรับในการใช้รถผิดประเภทและได้ว่ากล่าวตักเตือนในการกระทำดังกล่าว ซึ่งผู้ขับขี่คันดังกล่าวยอมรับผิดและจะไม่ทำการกระทำดังกล่าวแบบนี้อีกต่อไป

ขณะที่ นาย ดิสพล ยิ้มขลิบ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ทางนิคม เรื่องวินจักรยานยนต์ แท็กซี่เป็นการส่งเสริมให้กับพนักงานภายในนิคมได้รับความสะดวกสบาย ทางนิคมเองไม่มีการกีดกัน หรือห้าม ซึ่งวินดังกล่าวมีมากว่า 20 ปีแล้ว ในส่วนของทางนิคมเอง แค่ให้จุดบริการเท่านั้น ทางนิคมไม่มีนโยบายว่าห้ามมิให้รถแท็กซี่เข้ามารับคนหรือว่าส่งคน เราไม่มีนโยบายตรงนี้แต่อย่างใด.

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊กเพจ “เจ๊ม้อยv plus” และเพจ “สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา”