เมื่อวันที่ 12 ก.ย. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ก่อตั้งคาร์ม็อบ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ราชประสงค์ถูกทหารล้อมจากทุกทิศทาง  พวกมันใช้กระสุนจริงและยิงคนด้วยสไนเปอร์ มวลชนจำนวนหนึ่งพยายามหาทางเข้าไปที่ราชประสงค์โดนยิงบาดเจ็บและเสียชีวิต เสียงปืนดังตลอดทั้่งวัน กระสุนนับแสนถูกเบิกและยิงออกไป แม้แต่คนที่ยืนดูเหตุการณ์บนระเบียงคอนโดก็ยังโดนยิงตาย

ผมรับคำร้องขอจากมิตรสหายท่านหนึ่งให้ตั้งเวทีที่สามเหลี่ยมดินแดง ภารกิจมีเพียงสิ่งเดียวคือ การดึงมวลชนไม่เข้าไปใน Red Zone หรือ ทุ่งสังหาร ผมรับผิดชอบเส้นทางวิภาวดีรังสิต ก่อนเข้าราชปรารภซึ่งมีผู้เสียชีวิตหลายคน

ชายกลางคนผู้หนึ่งยืนคุยกับผมที่สามเหลี่ยมดินแดง เขาเล่าเหตุการณ์ว่าเขาเห็นอะไรมาบ้างก่อนที่ผมจะมาตั้งเวทีที่นี่ แน่นอนว่ามันเป็นภาพของการใช้ความรุนแรงเอาจริงๆมันคือการเข่นฆ่าประชาชนจากผู้มีอำนาจรัฐ

คุยกันสักพักชายคนนั้นก็กล่าวคำลา ผมถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกว่าเขาจะขับรถเข้าไปที่ราชปรารภ ผมพูดเสียงอันดังว่าจะเข้าไปทำไม คุณเพิ่งจะบอกผมไม่ใช่เหรอว่าที่นั่นมีคนถูกยิงหลายคน ชายคนนั้นบอกผมว่า เขาไม่กลัวเขาจะไปสู้กับมัน แล้วเขาก็ขับรถหายเข้าไปท่ามกลางควันไฟจากยางรถยนต์และเสียงปืน

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ตลอด 3 วันที่ผมอยู่ที่เวทีใต้ทางด่วนสายเหลี่ยมดินแดง ผมเห็นการต่อสู้ทุกรูปแบบที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะคิดอ่าน ส่วนผมไม่ได้มาต่อสู้ ผมมาพาคนออกจากทุ่งสังหาร

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ได้มีชาวโลกออนไลน์เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ

-จริงครับ อย่าเข้าไปตายฟรี ในรูปแบบที่ไม่มีทางชนะ เราชนะด้วยอาวุธเเละความรุนเเรงไม่ได้ เพราะอำนาจรัฐเหนือกว่า อย่าฝันว่าจะปลุกคนให้ออกมาจับอาวุธสู้รัฐ มันตลก คนส่วนใหญ่รักตัวกลัวตายทั้งนั้น เเละเราเคยมีรัฐที่ทำคนตายมาเเล้ว 99 คน มันมีอะไรเปลี่ยนมั้ยล่ะ ยิ่งฝั่งเรารุนเเรง ฝั่งตรงข้ามยิ่งชอบธรรมที่จะเเรงใส่ ทุกวันนี้สามเหลี่ยมดินเเดงเป้าหมายคืออะไร ยังไม่มี มีเเค่คำหลวมๆว่าให้ประยุทธ์ลาออก คน 40-50 คนต่อวันตรงนั้นเปลี่ยนเเปลงอะไรไม่ได้หรอก มันเหมือนเราอยากปะทะ กับ คฝ. เเค่นั้น พอมันทำเราเเรง เราด่า พอเราทำมันเเรง เราบอกต้องสวนมันบ้าง วันนึงคุณใช้อาวุธที่เเรงกว่านี้ รัฐก็ใช้อาวุธกับจำนวนที่เหนือกว่าปราบคุณเหมือนเดิม ทุกวันนี้รู้สึกเหมือนเป็นพันธมิตร ยังไงก็ไม่รู้ เจอตำรวจเป็นใส่ๆ

-เหมือนเป็นหนังภาคต่อ ที่เว้นการถ่ายทำไป 11 ปี แต่นักแสดงภาคนี้เชื่อว่าจะมีผู้เขียนบท เขียนตอนจบให้มันแตกต่างไปจากเดิม