ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าวว่า “จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การปรับกระบวนทัศน์ในการพัฒนาเมืองให้เป็นไปตามหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมีคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา จะช่วยให้ประเทศสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง ประชาชนมีวิถีชีวิตที่พอเพียง และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งการพัฒนาเมืองไปสู่ความน่าอยู่อย่างยั่งยืนนั้น เป็นการพัฒนาแบบองค์รวมที่มีความสมดุลในทุกมิติ อาศัยความร่วมมือของภาคีทุกภาคส่วน และชุมชนกับท้องถิ่นต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน นับเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง พร้อมรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเท่าทัน ทั้งนี้ เทศบาลทุกแห่งที่ผ่านการประเมินเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับประเทศ ถือได้ว่าเป็นเมืองแนวหน้าของประเทศ ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเมืองของตนเอง คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความสมดุลของสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ร่วมกับประชาคมโลก เพื่อส่งต่อทรัพยากร ธรรมชาติ ที่มีคุณค่าไปสู่คนรุ่นถัดไป และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน ถ้วยรางวัลให้แก่เทศบาลที่ชนะเลิศยอดเยี่ยม ระดับประเทศ ประจำปี 2565 ทั้ง 6 รางวัล เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ วังสระปทุม ซึ่งถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ชนะรวมถึง
สร้างแรงบันดาลใจให้กับเทศบาลอื่นอีกด้วย”

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “กรมการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ ได้ดำเนินโครงการเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองแบบองค์รวมอย่างบูรณาการและสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้เกิดความยั่งยืนตามบริบทของพื้นที่ โดยการพัฒนาเกณฑ์ชี้วัดเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนเป็น 4 องค์ประกอบ ได้แก่ เมืองอยู่ดี คนมีสุข สิ่งแวดล้อมยั่งยืนเมืองแห่งการเรียนรู้ และการบริหารจัดการที่ดี เพื่อเป็นกรอบแนวทางและเครื่องมือให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการและการพัฒนาเมืองให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ซึ่งสำหรับพิธีมอบรางวัลเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ระดับประเทศ ประจำปี 2565 ในครั้งนี้ มีกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วยการถ่ายภาพหมู่เพื่อเป็นเกียรติแก่เทศบาลที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ 6 รางวัล พิธีมอบรางวัลรองชนะเลิศ 33 รางวัล แบ่งเป็น “เทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน” 23 รางวัล และ “เทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืน” 10 รางวัล พร้อมแสดงนิทรรศการ ผลงานโดดเด่นและนวัตกรรมการพัฒนาสู่ “เมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน”และ “เมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” เพื่อเป็นการย่องเชิดชูเกียรติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัล รวมไปถึงถ่ายทอดประสบการณ์ องค์ความรู้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนและขยายผลไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศต่อไป”
ทั้งนี้ รางวัลชนะเลิศ 6 รางวัล แบ่งเป็น “รางวัลชนะเลิศเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศ” 3 รางวัล ประกอบด้วย เทศบาลนคร ได้แก่ เทศบาลนครพิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เทศบาลเมือง ได้แก่ เทศบาลเมืองทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเทศบาลตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ และ “รางวัลชนะเลิศเทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศ” 3 รางวัล ประกอบด้วย เทศบาลนคร ได้แก่ เทศบาลนครขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เทศบาลเมือง ได้แก่ เทศบาลเมืองหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเทศบาลตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง