สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีสี กล่าวขณะพบหารือกับนายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ท่ามกลางโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวาย จะเป็นตัวกำหนดอนาคตและชะตากรรมของมนุษยชาติ
When meeting US Senate Majority Leader Chuck Schumer, Chinese President Xi Jinping said on Monday that China and the US have experienced many ups and downs since the establishment of diplomatic relations, but the overall direction is still moving forward. pic.twitter.com/GTKO9p1BrN
— Global Times (@globaltimesnews) October 9, 2023
“ผมเคยพูดหลายครั้ง และบอกกับประธานาธิบดีหลายคน ว่าพวกเรามีเหตุผลนับพัน ที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ ให้ดีขึ้น และไม่มีแม้แต่เหตุผลเดียวที่จะทำลายมัน” สี กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ถือเป็น “ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดในโลก”
ด้านชูเมอร์ ซึ่งเดินทางเยือนจีนเพื่อพยายามบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ กล่าวกับสีว่า สหรัฐและจีนจะร่วมกันกำหนดทิศทางในศตวรรษนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการความสัมพันธ์ด้วยความรับผิดชอบ และความเคารพ

ก่อนหน้านี้ นายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน ให้การต้อนรับชูเมอร์ และคณะผู้แทนสหรัฐ พร้อมกับกล่าวว่า เขาหวังว่ารัฐบาลวอชิงตัน และรัฐบาลปักกิ่ง จะสามารถจัดการความแตกต่างของพวกเขาได้อย่าง “มีเหตุผลมากขึ้น” และช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ กลับสู่แนวทางของการพัฒนาที่ดี
Chinese Foreign Minister Wang Yi met with a U.S. congressional delegation led by Senate Majority Leader Chuck Schumer in Beijing on October 9.https://t.co/WqKH3Mu1aZ pic.twitter.com/o1OevYR8re
— CCTV+ (@CCTV_Plus) October 10, 2023
อนึ่ง การเดินทางเยือนจีนของชูเมอร์ และคณะผู้แทนสหรัฐชุดนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด ของเจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐ ซึ่งพยายามคลายความตึงเครียดในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่การค้า ไปจนถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ชูเมอร์กล่าวว่า เขารู้สึก “ผิดหวังอย่างยิ่ง” ต่อแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน เกี่ยวกับสงครามในอิสราเอล ซึ่งรัฐบาลปักกิ่ง เรียกร้องให้คู่กรณีสร้างวิธีแก้ปัญหาเพื่อยุติความรุนแรง ทว่าไม่ประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาสแต่อย่างใด.
เครดิตภาพ : AFP