เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ บ้านเลขที่ 70/1 ม.5 (บ้านท่าข้าม) ต.คลองลานพัฒนา อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร เป็นบ้านของนางสุพิน อยู่รอง อายุ 55 ปี มารดาของนายมานัส หรือน๊อต อยู่รอง อายุ 34 ปี แรงงานไทยที่ไปทำงานรับจ้างเก็บมะเขือเทศในประเทศอิสราเอล โดยมีเพื่อนบ้านและญาตินั่งพูดคุยให้กำลังใจอยู่หน้าบ้าน โดยนางสุพิน เล่าทั้งน้ำตาถึงความหวังที่จะได้ข่าวลูกชายว่า ไม่รู้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะไม่สามารถติดต่อลูกชายของตนเองได้ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา

โดยครั้งสุดท้ายลูกชายวีดีโอคอลมาบอกว่าตอนนีัสถานะการณ์ความรุนแรงในการสู้รบทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ แต่มีทหารอิสราเอลคุมพื้นที่ได้แล้ว ตนรอที่จะอพยพไปในพื้นที่ปลอดภัย โดยตอนนีัอยู่ในแคมป์คนงาน ซึ่งก็เพิ่งมีระเบิดยิงข้ามหัวไปเมื่อสักครู่ โดยหลังจากที่คุยกันทางวิดีโอคอลวันดังกล่าวก็ติดต่อลูกชายไม่ได้อีกเลย โดยลูกชายได้เดินทางไปทำงานและเริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 66 จนตอนนี่ก็จะเข้า 5 เดือนแล้ว ทุกวันนี้ดูข่าวและดูรายชื่อที่มีแรงงานเดินทางกลับไทยทุกวันก็ไม่มีวี่แววแม้แต่นิดที่จะมีชื่อลูกของตน

ตนพยายามประสานกรมแรงงานและหน่วยงานต่างๆ ก็รับปากว่าจะเร่งหาข้อมูลให้แต่ก็ไม่มีหน่วยงานไหนติดต่อกลับมาเลย ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นห่วงลูกชายมาก อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือประสานข้อมูลตามหาลูกตนเองเพื่อให้รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็ยังเชื่อว่าลูกยังปลอดภัยดีอยู่ ตอนลูกชายอยู่เมืองไทยลูกชายเป็นคนชอบทำบุญ และได้ไปเป็นลูกศิษย์ที่วัดของหลวงพ่อพระพยอมถึง 2 ปี ก่อนจะเดินทางไปทำงานที่อิสราเอล

นอกจากนี้นางสุพิน ยังได้นำรูปพร้อมเอกสารของลูกชายมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับบอกว่า ทุกวันนี้ก็ได้แต่นั่งเปิดคลิปเก่าๆที่ลูกชายโพสต์ลงใน Facebook เปิดไปก็นั่งร้องไห้ไป เป็นห่วงใจแทบขาดไม่รู้จะทำยังไงที่จะติดต่อลูกชายได้ ยิ่งรู้ว่าจุดที่ลูกชายอยู่ห่างจากจุดที่เกิดสงครามเพียง 20 กิโลเมตร และลูกบอกว่าได้ลงทะเบียนกลับไทยไว้แล้วรอทหารมารับ จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลยทำให้ความหวังเริ่มริบหรี่ โดยก่อนไปลูกชายบอกว่าจะไปทำงานที่อิสราเอลเพื่อเก็บเงินสัก 5 ปี ได้เงินเดือนเดือนละ 50,000 บาท รวมโอทีก็ประมาณ 70,000 บาท ตนยังบอกเลยว่าไม่ต้องโอนมาให้แม่ก็ได้ เพราะยังมีเงินใช้อยู่ ลูกเลยบอกว่าอยากจะเก็บเงินไว้ซื้อที่สักแปลง

นางสุพิน ยังเล่าให้ฟังเพิ่มเติมอีกว่า ทุกวันนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องกินยานอนหลับทุกวัน จิตใจย่ำแย่มาก ซึ่งก็ได้พูดคุยกับลูกชายครั้งสุดท้าย ลูกเล่าว่าหลบอยู่ในป่ามัน เค้ากำลังสู้รบกันอยู่ ลูกปืนข้ามหัวไปมาตลอด ลูกมีน้ำ 1 ขวด และมาม่า 1 ห่อ ใช้ประทังชีวิต ซึ่งก็มีทหารอิสราเอลคุมพื้นที่อยู่ โดยหลังจากวันที่ 11 ต.ค. ก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้อีกเลย อยากให้รัฐบาลไทยช่วยตามหาลูกตนเอง ทุกวันนี้ดูรายชื่อตามข่าวก็ร้องไห้ทุกวัน ยังไร้วี่แววลูกชายของตน ทุกวันนี้ยังมีความหวังว่าลูกชายจะยังมีชีวิตอยู่ ติดต่อจากกรมแรงงานก็ไม่มีข้อมูลใดๆ หากว่าลูกของตนดูข่าวตอนนี้อยู่ก็อยากให้ลูกกลับบ้าน ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกชายของตน หากกลับมาได้ตนก็บนไว้ว่าจะให้บวชพร้อมสามีของตน.