ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นปรากฏการณ์ สำหรับ “สัปเหร่อ” ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ คอเมดี้ ผลงานล่าสุดของ “จักรวาลไทบ้าน” ฝีมือการกำกับของ ต้องเต – ธิติ ศรีนวล ที่ตอนนี้ยังคงแรงไม่หยุด รายได้พุ่งทะยานทะลุ 300 ล้านบาทแล้ว ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่จริงใจ และยังคงความสนุกม่วนซื่น อัดแน่นด้วยเสน่ห์สไตล์ไทบ้าน พร้อมเพิ่มเติมความหลอนแบบหนังสยองขวัญ แต่แก่นแท้ของหนังเรื่องนี้กลับทำให้หลายคนต้องหลั่งน้ำตา ด้วยการหยิบเรื่องความตายมาเล่าผสานกับความเชื่อของคนไทย ผ่านประเพณีและวิถีของพี่น้องชาวอีสาน ได้อย่างลึกซึ้งในหลากหลายมิติ



ซึ่ง “สัปเหร่อ” เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านโนนคูณในจักรวาลไทบ้าน เมื่อ “เจิด” เด็กหนุ่มวัย 25 ปีที่เรียนจบกฎหมาย 7-8 ปี โดยมีพ่อ “สัปเหร่อศักดิ์” ทำอาชีพ สัปเหร่อ เขาหวังจะไปสอบเป็นทนายหรือปลัดอำเภอ แต่ต้องมาช่วยพ่อเป็นสัปเหร่อ เพราะพ่อป่วยจนต้องมาช่วยพ่อทำงาน แต่ก็ลังเลเพราะเกิดเป็นคนที่กลัวผีมากๆ และต้องมาทำงานกับศพ



ขณะที่ “เซียง” อกหักจากคนรักและพยายามบวชเพื่อลืมแฟนเก่า “ใบข้าว” แต่สุดท้ายต้องมาเจ็บปวดเพราะ “ใบข้าว” ต้องจากไป และเขาทำใจไม่ได้ จึงหาวิธีที่จะเจอ กับ “ใบข้าว” ในโลกหลังความตาย จึงเรียนรู้และศึกษาทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับการเจอคนที่ตายไปแล้ว และไปปรึกษา “สัปเหร่อศักดิ์” พ่อเจิดที่ทำพิธีถอดจิตไปโลกความฝันสามารถเจอคนที่ตายแล้วได้ “สัปเหร่อศักดิ์” มีข้อแลกเปลี่ยนในการทำพิธีให้ โดย “เซียง” ต้องมาช่วย “เจิด” ทำงานสัปเหร่อ เพราะ “เจิด” เป็นคนที่กลัวผีมากๆ และต้องมาทำศพแทนพ่อ “เซียง” เป็นคนสุดท้ายที่จะได้ทำพิธีถอดจิตให้ก่อนตาย สุดท้ายทุกอย่างมีเวลาของมัน มันคือธรรมชาติของความจริง ทุกคนเรียนรู้และเข้าใจการยื้อและการเสียคนที่รักจากไป!

ซึ่งนอกจากตัวหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ ก็ได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเพลง “หล่าคำเอย” ขับร้องโดย ศาล สานศิลป์ ที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้า และล่าสุดกับเพลง “ยื้อ” ซึ่งเพลงนี้ได้ศิลปินอีสานสายกวี ติ๊ก – ปรีชา ปัดภัย และนักแต่งเพลงมือทองสายอินดี้ ที่โดดเด่นในการใช้คำสละสลวยมาขับร้อง พร้อมลงมือเขียนเนื้อร้องและทำนอง เรียบเรียงและ Mix & Master โดย ออนบอร์ดสตูดิโอ ซึ่ง ปรีชา ได้โปรดิวเซอร์เอง ร่วมกับ “ขยะหน้าต้นไม้” ซึ่งเป็นนามปากกาของ ต้องเต ด้วย

ทันทีที่ปล่อย MV เพลงนี้ออกมา ก็กลายเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก และตอนนี้กวาดยอดวิวส์ MV ในยูทูบแบบถล่มถลาย ทะลุ 10 ล้านวิวส์ไปแล้ว หลังจากที่ปล่อยมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมติด “เพลงมาแรง #1” ขณะที่คอมเมนต์ในโลกออนไลน์ ต่างออกมาชื่นชมท่วมท้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่ซึ้งกินใจ กับการเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดของการต้องบอกลาคนที่รักที่จากไป ผ่านพิธีทำศพ

ส่วนเนื้อเพลงที่ถ่ายทอดถึงความรักที่ไม่อาจยื้อได้อย่างจับขั้วหัวใจ อย่างท่อนฮุคที่บอกว่า “ความเยือกเย็นกลืนใจขุ่นมัว บ่ฮู้ กำลังหวาดกลัวอีหยัง ย่านต้องใช้ชีวิตลำพัง ฝืนอยู่ต่อไปโดยบ่มีเจ้า ย่านต้องกลายเป็นคนถูกลืม กลัวน้ำตาซึมไปจนนิรันดร์ แลกชีวิตคงบ่สำคัญ ถ้ามันสิยื้อ เจ้าไว้ สุดท้ายกะยื้อ บ่ได้”




โดยฉากที่ถูกพูดถึงจนกลายเป็นไวสรัล คือซีนที่ “เจิด” (รับบทโดย เน็ค นฤพล ใยอิ้ม) ได้ถอดจิตมาเจอคุณพ่อของเขา “สัปเหร่อศักดิ์” (รับบทโดย อาจารย์อัจฉริยะ ศรีทา) หลังจากที่เขาได้รับโทรศัพท์ว่าพ่อของเขาได้จากไปแบบไม่ทันล่ำรา และยังไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันแห่งความสำเร็จ ที่ “เจิด” รับปริญญา ซึ่งบทสนทนาสั้น ๆ ที่เหมือนเป็นเหมือน Side story และส่วนต่อขยายจากในภาพยนตร์ระหว่าง “สัปเหร่อศักดิ์” และ “เจิด” กลายเป็นหนึ่งในซีนที่ทำให้หลายคนน้ำตาแตก โดย “เจิด” ได้บอกว่า “ทำไมจากไปไม่บอกกล่าวกันเลย” ส่วน “สัปเหร่อศักดิ์” ได้ตอบมาว่า “ไม่เป็นไร มาจากวันนี้ วันหน้าก็ต้องจาก มันไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าพรุ่งนี้พ่อจะยังมีชีวิตอยู่ไหม มีความสุขกับปัจจุบัน มีความสุขกับสิ่งที่ลูกเลือก มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่นะลูก” ก่อนที่ “สัปเหร่อศักดิ์” จะเรียกลูกชายเข้าไปกอด และ “เจิด” ได้โผสู่อ้อมกอดขิงพ่อพร้อมน้ำตา ก่อนที่จะเป็นซีนที่ “เจิด” ต้องทำพิธีส่งคุณพ่อของเขาเป็นครั้งสุดท้าย และนั่นน่าจะทำให้เขาได้เข้าใจความหมายของการจากลาและพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เขาสงสัยมาตลอด

นอกจากนี้ใน MV ยังมีซีนที่ขยี้ความรู้สึกของตัวละคร “เซียง” (รับบทโดย ตาต้า ชาติชาย ชินศรี) ที่ยังคงยื้อและไม่ปล่อยอดีตคนรักที่จากไป อย่าง “ใบข้าว” (รับบทโดย แพมมี่ บัวติก)


อีกทั้งยังเผยให้เห็นคนถึงวิถีความเชื่อของพี่น้องชาวอีสาน ไม่ว่าจะเป็น พิธีกรรมตัดสายแนน และแบ่งเว้นคนเป็นคนตาย ที่ ต้องเต อธิบายว่า เขาได้หยิบเอาพิธีกรรมตัดผัวตัดเมียมาเล่าในมิติของความเชื่อ เขาเชื่อกันว่าพิธีกรรมนี้จะทำให้คนที่ตายไม่มาเอาคนที่อยู่ตายไปด้วย เหมือนตัดขาดความสัมพันธ์ ตัดขาดความคิดถึงตัดขาดความห่วงใย ตัดขาดความรู้สึก แต่ถ้าตอนทำคนที่ทำหันกลับไปดู จะทำให้ตัดทุกอย่างไม่ได้ บาดแผลจากความรัก ไม่อาจหายไปจากความทรงจำ , พิธีโปรยข้าวตอก ที่สื่อถึงคติธรรมว่า คนตายนั้น รูปกับนามแตกจากกันเหมือนข้าวตอกแตกที่แตกออกจากกัน และ วงไฮโลในงานศพ ที่แสดงถึงเส้นเเบ่งระหว่างอารมณ์สนุกกับความเศร้า ของเจิดกับวงไฮโล เพื่อบอกเป็นนัยว่าถ้าความตายไม่ได้เกิดกับคนที่เรารัก เราก็จะยังมีความสุขต่อไปได้โดยที่บางทีเราอาจลืมนึกถึงเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งสัญญ ลูกโป่งขาว ซึ่งในภาพยนตร์นั้นหลุดลอยที่สื่อถึงการปลดปล่อย จากความสุขและทุกข์ของคนที่ยังอยู่และคนที่จากไป แต่ใน MV กลับเห็นลูกโป่งสีขาวยังคงผูกติดเอาไว้ที่โลงศพ เหมือนยังยื้อคนรักและยึดติด โดยแฟน ๆ ที่ได้ชม ต่างเข้ามคอมเมนต์บอกเล่าถึงประสบการณ์การสูญเสียคนรัก และยังเตือนใจให้เห็นถึงความสำคัญของคนรักหรือคนในครอบครัว ให้กลับมาคิดถึงและเอาใจใส่กันในวันที่ยังมีลมหายอีกด้วย




โดย ปรีชา ปัดภัย ได้เผยความรู้สึกว่า “ความในใจหลายอย่าง ได้ถูกพูดออกมาแล้ว ผ่านเพลงนี้ ให้ทุกคนได้ยินมัน เพลงนี้อายุ เกือบ 7 ปี ผมเฝ้ารอมันมานานมาก หลังจากหนัง 2.2 จบ ผมแต่งมันตอนประมาณปี 60 เพลงที่เขียนก่อนหน้า คือ ระเบิดเวลา และ แรกตั้งใจฮัก ขอบคุณ ทุกๆคน ที่มีส่วนในภาพยนตร์เรื่องนี้ และเพลงนี้ ทำให้ เพลงนี้มันอาจจะเป็นส่วนเติมเต็ม ให้กำลังใจ ปลอบใจ โอบกอดทุกคนที่ยังมีปมค้างคาใจไม่อาจวางได้ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ให้มีความสุขนะ มีความกับปัจจุบัน และสิ่งที่เราเลือกแล้วนะครับ”

ขณะที่ ต้องเต ได้เปิดแรงบันดาลใจและแก่นแท้ของเพลง “ยื้อ” นี้ด้วยประโยคบาดลึกกระแทกใจว่า “ความตาย มันฆ่าเราได้ครั้งเดียว แต่ความรัก มันฆ่าเราไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะตาย” ก่อนบอกต่อว่า “มีคนเคยบอกกับผมไว้ว่า ถ้าเราจะเขียนบทหรือต้องเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง เราควรเล่าเรื่องที่ใกล้ๆ ตัวก่อนนะ มันอาจจะทำให้เราเข้าใจมันง่ายขึ้น และอาจทำมันได้ดี และไม่ยากเท่ากับเรื่องที่เราไม่รู้ แต่สำหรับผม เรื่องนี้ผมอยากจะเล่าเรื่องความตายเพราะผมแค่คิดว่ามันใกล้ตัวผมมากๆ และใกล้จนเป็นเรื่องธรรมชาติแต่พอจะเล่าเรื่องความตายจริงๆ ทำไมมันรู้สึกว่ายากมาก และเล่ายากมากที่จะทำให้เราเข้าใจมัน

ถ้าเราต้องตั้งคำถาม ว่าความตาย คืออะไร คงมีหลายคำตอบที่แตกต่างกันออกไป บางคน อาจคิดว่า ความตายคือจุจบ บางคน อาจคิดว่า ความตายคือจุดเริ่มต้น บางคน อาจคิดว่า ความตายคือจุดมี่เราต้องเจอ สำหรับผม ผมอาจแค่เข้าใจว่าความตายคงสองให้เราใช้ชีวิต และเรียนรู้ ความตายจากการสูญเสียในชีวิต สูญเสียคนที่รัก คนที่ใกล้ชิด มิตรสหาย และหญิงชายหรือสิ่งมีชีวิตที่เราอาจไม่รู้จัก สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ความตาย แต่อาจคือ ใจ สิ่งที่ชอบทำร้ายใจ ไม่ใช่ความตาย แต่อาจคือ ปาก เรามักจะวิ่งตามในสิ่งที่กำลังจะเสียไปเสมอ ทั้งที่ตอนที่มีอยู่ หลายครั้งเราเลือกที่จะเดินหนีมัน จงมีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่นะครับ”

นอกนี้จากนี้ ต้องเต เปิดใจถึงความสำเร็จครั้งนี้ พร้อมขอบคุณทุกคนผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า “สัปเหร่อ หนังมันได้เดินทางมาไกลมากๆ แล้วก็พาผมเดินทางมาไกลมากๆ ขอบคุณทุกคนนะครับ สัปเหร่อเป็นหนังเรื่องแรกที่ผมกดดันมากๆ และโคตรเหนื่อยมากๆ และเหนื่อยจริง ๆ เหนื่อยที่สุดๆเหนื่อยที่แบบว่าบอกใครไม่เลยครับ ทั้งเขียนบทคนเดียว มันยากมากที่เล่าเรื่องความตายให้คนเข้าใจ ทั้งกำกับเดี่ยวครั้งแรกต้องมาแบกความคาดหวังของผู้คน ต้องได้ตัดต่อเองซึ่งผมก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย ต้องมาทำซาวด์อีสานเอง และด้วยปัญหาหลายๆ อย่างที่ต้องเจอตามมาเรื่อยๆ มันก็เป็นงานท้าทายที่ทำให้ผมสนุกและความสุขมากๆ เช่นกันครับ


ขอบคุณในความผิดพลาดหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นนะครับ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ผมได้ทำอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานั้นที่ผมมีโอกาสได้ทำมันแล้วนะครับ ขอบคุณ MVP พี่ปั้น พี่เอก ที่ให้โอกาสเด็กน้อยคนนี้ เสมอมานะครับ หวังว่าผมคงทำให้พี่ ๆ ไม่ผิดหวังนะครับ ขอบคุณเฮียโต้ง ที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนพวกผมมาตลอด ถ้าดีเฮียก็ชม ถ้าไม่ดีเฮียก็ด่า รักเฮียมากๆนะครับ ขอบคุณ พี่แจ้(เดอะแบก) พี่กัส (พี่ปิ่น) พี่สัก ที่เป็นทั้งที่ปรึกษาเป็นโปรดิวเซอร์และพี่ชายที่ดี ขอบคุณที่ ให้โอกาสผม เชื่อใจผม เชื่อมั่นในตัวผมนะครับ เป็นบุคคลที่อยู่ข้างๆและช่วยผมทุกอย่างจริงๆ ขอบคุณพี่จ๊อบ ป๋าบอย โน่ พี่เตเต้ พี่แบล็ค พี่แมน เเละขอบคุณเพื่อนรัก ด้งเด้ง ตาต้า บิว สิงโต นาราที่คอยให้คำแนะนำที่ดีเสมอมา และขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตผมตลอด อยู่ข้างเมื่อเราต้องการ แทบจะไม่ต้องคุยกันเราก็เข้าใจ

ขอบคุณ พี่นิค ที่ละเอียดกับการสร้างงานภาพที่งดงาม และอยู่ข้างๆๆซับพอร์ทผมจนกว่าจะจบงาน พี่ช่วยผมมาตลอดจริงๆ ความแปลกใหม่ที่ทำให้ความเป็นไทบ้านยกระดับโปรดักชั่นขึ้น เพราเลยนะครับ ในชีวิตนึ่งผมยินดีและมีความสุขมากที่ได้รู้จักพี่ ขอบคุณนักแสดงทุกคนมากๆนะครับที่ทุ่มเท เเละเข้าใจผม พวกคุณเก่งมากๆนะครับ ผมรักพวกคุณ และผมรู้ว่าอาจจะมีบางคนที่น้อยใจในเรื่องของบทน้อยบ้างบทไม่เด่นบ้างผมขอโทษด้วยนะครับ ยอมรับเลยว่าเราเหนื่อยมาด้วยกันจริงๆ

ขอบคุณพี่โอม พี่ปกป้อง พี่กอล์ฟ พี่นัท ครอบครับพี่กัส ที่คอยซัพพอร์ต และให้กำลังใจเสมอมา ขอบคุณทีมพรอมต์ชนม์และทีมอีเว้นท์ทุกๆคนครับที่ช่วยจัดอีเว้นท์ที่สวยงาม ขอบคุณพี่ริท ทิว ทีมซาว์ดที่เป็นครอบครัวที่เข้าใจกันเลยก็ว่าได้ ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ และเขาคือบุคคลที่สร้างเสียงหัวเราะประจำกองถ่ายตลอดเวลา ทำให้กองของเราสนุกและมีรอยยิ้ม พี่ริทเชื่อมั่นว่าคนจะชอบในสิ่งที่ผมทำขึ้นและเชื่อใจ ให้เกียรติผมตลอด นี่แหละครับความสุข ขอบคุณ พี่บอส พี่พี พี่อารม์ ภานุและทีมกล้องทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของความสุขในชีวิตของผมครั้งนี้ และสร้างเสียงหัวเราะในกองอยู่เสมอ ขอบคุณ พี่ยู นนต์ บ๊อบบี้ ที่ช่วยซับพอร์ตทุกๆอย่างและคอยเตือนปัญหาต่างๆให้ พวกเราทำงานกันหนักเเละเหนื่อยมากจริงๆ ด่ากันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ด้วยหน้าที่ของเเต่ละคน ก็ทำให้เราเข้าใจกัน

ขอบคุณ ป๋าตุ้ย ที่เป็นทั้ง กราฟเฟอร์ และพี่ชาย ขอบคุณที่สร้างแสงที่งดงาม ขอบคุณทีมไทยบันเทิง น้าฉ่ำ พี่บิว พี่บอม บอล ปลาย ฟรุ๊ค และคนอื่นๆ ที่ช่วยซับพอร์ตการจัดไฟ ขอบคุณคุณชมพู่ PM สาวน้อยไฟแรงที่ทำงานทั้งหมดเสร็จและผ่านไปด้วยดี ขอบคุณ พี่อัง ที่คอยเช็คคอนที่ปวดหัวมากๆ และเป็นน้องสาว ที่คอยซัพพอร์ตทุกเรื่อง ทุกอย่าง น้องผมเก่งมาก
ขอบคุณ เขม ฟลุต มินตรา ออมสิน มัด บูม ที่ทำงานอาตและออกแบบสร้าง ทั้งหมดของเรื่อง และในชีวิตเป็นน้องที่อยู่ข้างๆๆผมมาโดยตลอด ให้กำลังใจทุกอย่างไม่ว่าผมจะทำอะไร รักพวกมึงมากๆๆนะ ดีใจมากๆที่พวกมึงเติบโต อย่างที่มึงอยากจะเป็น ขอบคุณ พี่หนึ่ง พี่เอ้ ตาอี้ ที่ออกแบบเสื้อผ้าที่ถูกใจผมมากๆ เราทำงานจนแทบจะไม่ค่อยคุยกัน แต่แค่มองตาก็รู้ใจ ขอบคุณ พี่นิว โลเคชั่น ที่พยายามหาสิ่งที่ผมต้องการจนได้ และขอโทษที่ผมเรื่องมากในบางทีนะครับ ขอบคุณน้องอ๊อฟสุรพลที่มาทำให้บทสวดมันดูขังและขนลุก ขอบคุณทีมสวัสดีการทุกๆๆคนนะครับ มีข้าวที่อร่อยทุกคาบ มีน้ำมีกาแฟ รวมถึงเบียร์ให้ทีมงานได้กินกัน กินจนเมาทำงานไม่ได้ก็มี55 ขอบคุณทีมงานกันตนาทุกๆคนที่ช่วยกันศัลยกรรมหนังเรื่องนี้ และคอยแนะนำเรื่องโพสให้กับผม ขอโทษที่ผมเรื่องมากในบางทีนะครับ

ขอบคุณน้องนิก จิ๋ว เป็นอีกคนที่ช่วยกันตัดต่อและดูแลไฟลงานเป็น ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตพี่ทุกเรื่องเลยทุกเรื่องจริงๆ ขอบคุณ พี่แม๊ก น้องอารมณ์ เจ็ท กั้ง หยง บอส ที่ช่วยทำสกอร์อีสานที่งดงามและ ไพเราะ ขอบคุณ พี่กี้ นิก บ๊อบบี้ ที่ช่วยเรื่องการตัดต่อทุกอย่างในหนัง ช่วยแนะนำเรื่องต่างๆ และให้คำแนะนำเป็นอย่างดี ขอบคุณ เอ็ม ที่ช่วยทำโปสเตอร์และกราฟฟิกต่างๆของหนัง และน้องทำทุกอย่างได้ดีมาก ใส่ใจทุกสิ่งที่ทำ ขอบคุณน้องแหลม อ๋อง เป็นน้องที่ดีมากๆคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างๆพี่และให้คำแนะนำพี่มาตลอด ใช่คำว่าน้องชายที่ดีที่สุดในชีวิต ขอบคุณน้องๆทีมงานสถุนโปรดักชั่น ถึงบางคนไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้ด้วย แต่ก็ช่วยทุกอย่างขอเเค่บอก ขอบคุณทีมงานออฟฟิศไทบ้านสตูดิโอ แล้วก็เซิ๊ง มิวสิค นะครับ ขอบคุณทีมงานรถตู้ แอ๋นตู้ซิ่ง ขอบคุณน้องฝึกงานทุกๆคนมากนะครับ สุดท้ายที่สำคัญและขาดไม่ได้ ขอบคุณครอบครัวแม่ พ่อ ป้า พี่สาว พี่เขียว พี่ขวัญ พี่ก้อง พี่เบล เสี่ยกร ณิชาแฟนที่น่ารัก ที่คอยอยู่เคียงข้างทุกวินาทีที่เราใช้ชีวิต สอนทุกอย่าง ดีก็ชม ไม่ดีก็ให้กำลังใจ ขอบคุณที่เป็นพลังบวกให้กันและกันมาตลอด ขอบคุณที่รักกันนะครับ ผมรักทุกคนมากๆๆนะครับ ขอโทษด้วยนะครับถ้าผมขาดตกรายชื่อของใครไปบ้าง ผมขอบคุณจริงๆครับ ผมพิมพ์ไม่ค่อยเก่ง ถ้าเจอใครผมจะพูดขอบคุณจากใจจริงนะครับ…”

นอกจากนี้ ต้องเต ยังได้ขอบคุณ ปรีชา และ ศาล สานศิลป์ ด้วยว่า “ขอบคุณอาจารย์ปรีชาและพี่ศาลมากๆ นะที่มาร้องเพลง ประกอบภาพยนตร์ให้ โคตรเพราะเลยครับ โคตรมีคุณค่า โคตรมีพลัง เพลงอาจจะไม่ค่อยไปนะครับอาจารย์ ผมแค่อยากให้มันมีคุณค่ากับการจากไปให้มากที่สุด การร่วมงานกับอาจารย์ทั้งสอง ผมโคตรกลัวงานมันออกมาไม่ดีตลอด ผมได้ทำเต็มที่แล้วนะครับ”

ก่อนที่ผู้กำกับคนดังจะทิ้งท้ายถึงแรงบันดาลใจการการกลั่นกรอง ก่อนจะออกมาเป็นหนัง “สัปเหร่อ” ว่า “ผมไม่แน่ใจว่ามันสำเร็จจะไหม แต่ผมก็คงเข้าใจว่าความสำเร็จมันมักอยู่กับเราเป็นเวลาสั้นๆ และทุกความสำเร็จนั้นจะมีคนยินดี (จริงๆ) กับเราไม่กี่คนหรอก แต่หนึ่งในนั่นมีก็คงเป็นตัวเอง ตัวหนังอาจทำให้คนผิดหวัง ที่คาดหวังกับหนังเรื่องนี้ไว้เยอะ แต่ผมมันบ้าไปที่อยากทดลองเล่าเรื่องธรรมดาๆ ด้วยความจริงที่เราพบเห็น ผ่านวิถีชีวิตคนอีสานยุคใหม่ที่ตั้งคำถามกับความเชื่อ พิธีกรรมที่กำลังจะหายไป ความงดงาม และเล่าเรื่องความตาย ที่เราต้องเจอ ตอนเขียนบทผมคิดเยอะมาก ระหว่างใส่ตัวตนที่เราเป็นอยู่ หรือเราจะเอาใจกลุ่มแฟนคลับที่ติดตามไทบ้านเป็นหลัก การทำหนังหนึ่งเรื่ององค์ประกอบคงเยอะมาก เราจะเป็นตัวของตัวเองทั้งหมดเลยก็ไม่ได้ พยายามเอาสิ่งที่คนต้องการใส่ไปในหนังผ่านความต้องการของเราบ้าง อย่างน้อยถึงไม่มีคนชอบก็คงมีเราแหละคนนึ่งที่ชอบมัน หวังว่าทุกคนอาจจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้นะครับ ผมอาจจะเป็นคนไม่เก่ง และไม่คิดว่าตัวเองเก่งเลยนะครับ แต่ผมแค่อาจจะเป็นคนที่โชคดีมีคนรักและคนให้โอกาสเยอะมาก และผมก็มีเพื่อนๆ พี่ ๆ รอบข้างมีแต่คนเก่งๆมาก ทำให้ต้องเรียนรู้เยอะขึ้น ผมต้องตั้งใจมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น และผมต้องเป็นมนุษย์มากขึ้นเรียนรู้ แก้ไข เข้าใจ เติบโต

ขอบคุณทุกคนมากๆ นะครับที่คอยให้คำแนะนำให้กำลังใจและคอยซัพพอร์ตตลอดการทำงานของผมนะครับ ขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกคนมากๆ นะครับที่เชื่อมั่นเด็กคนนี้ สุดท้าย ผมไม่รู้ว่าหนังจะเดินทางได้ไกลแค่ไหนอย่างน้อยเราก็ได้เดินทางมาด้วยกันนะครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่พวกเรามอบให้ ผมอบอุ่นหัวใจมากๆ นะครับ”
ภาพ : FACEBOOK ต้องเต ต้องเต ธิติ , เซิ้งl MUSiC , Thibaan Channel