จากกรณี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  มีหนังสือส่งถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ลงวันที่ 2 พ.ย.ในเรื่อง การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือน และ เจ้าหน้าที่รัฐ โดยระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ครม.เมื่อวันที่ 31 ต.ค.66 นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งศึกกษา ความเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และให้นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือน เร่งรัดให้สำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)  ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช .) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ แนวทาง กรอบระยะเวลา และผลกระทบของการปรับอัตราเงินเดือน สำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือน และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วภายในเดือน พ.ย.66 นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ  เปิดเผยถึงการปรับอัตราเงินเดือน ข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่า เบื้องต้นได้มีการหารือกับเลขาธิการ ก.พ. แล้ว ขณะนี้ทาง ก.พ. อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางว่า จะเพิ่มเงินเดือนได้อย่างไร ต้องปรับบัญชีหรือไม่ หลังได้ข้อสรุป ก็จะมีการหารือ กับสำนักงบประมาณเพื่อดูช่องทางในการเพิ่มเงินเดือนให้ราชการ และนอกจากข้าราชการพลเรือน และเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว จะเพิ่มหน่วยงานใดอีกบ้าง เช่น ทหาร เป็นต้น

ทั้งนี้คาดว่าสัปดาห์นี้จะมีการประชุมหารือกับสำนักงาน ก.พ.  , สศช. และสำนักงบประมาณ โดยมี นายปานปรีย์  พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน และหลังได้ข้อสรุปจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ได้ทันภายในเดือนพ.ย. ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีได้แน่นอน

นายเฉลิมพล กล่าวต่อว่า สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาจ่ายเพื่อเพิ่มงินเดือนให้ข้าราชการนั้น จะต้องดูว่าจะเริ่มจ่ายได้เมื่อใด หากจะใช้งบประมาณ รายจ่ายประจำ ปี 67 ก็สามารถทำได้ แม้จะมีการยื่นคำของบฯ ของหน่วยงานต่างๆเข้ามาแล้ว แต่ยังมีงบกลาง (เงินเลื่อนขั้น เงินเดือน เงินปรับวุฒิข้าราชการ) ที่สามารถนำมาใช้ได้หากหน่วยงานนั้นมีประมาณ ไม่เพียงพอ แต่ถ้าเริ่มปีงบฯ  68 ก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหา เพราะปฏิทินปีงบฯ  68 สำนักงบประมาณจะเสนอ เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ภายในเดือน ม.ค. 67 ซึ่งยังมีเวลาในการจัดทำคำขอหน่วยงานต่างๆ