เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา จะเกิดมรสุมในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช จะมีฝนตกหนัก คลื่นแลมแรง ซึ่งช่วงเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา นายประยุทธิ์ ฐานะวัฒนา นายก อบต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่าได้เกิดพายุงวงช้างพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 2 หลัง จึงรายงานให้ นายกิตติพงษ์ รองเดช นายอำเภอปากพนัง ทราบ และนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและช่วยเหลือ

โดยพบมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 2 หลัง เป็นบ้านของนางไพจิตร แก้วแหวน อายุ 65 ปี และบ้านนางสาวทิพาวรรณ แก้วแหวน อายุ 30 ปี บุตรสาวของนางไพจิตร หลังแรกเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ ยกสูงสร้างใหม่ และหลังที่ 2 เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ตั้งอยู่ใกล้กันเป็นเลขที่ 31 และเลขที่ 39 หมู่ 3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพรัง จ.นครศรีธรรมราช ถูกพายุงวงช้างพักภถล่มจนกระเบื้องมุงหลังคาแตกหัก หลุดปลิวว่อนบ้านและทรัพย์สินภายในบ้านทั้ง 2 หลังได้รับเสียหายจำนวนหนึ่ง โดยสองแม่ลูกหนีตายหัวซุกหัวซุนกลางดึก

ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุนอกจากโดนพายุงวงช้างพัดถล่มรุนแรงแล้ว ในพื้นที่เกิดฝนตกหนัก คลื่นลมแรงตลอดเวลา ความสูงของคลื่นที่พัดถล่มเข้าฝั่งสูง 2-3 เมตร เพื่อนบ้านได้พยายามเข้าไปช่วยเหลือสองแม่ลูก และประสานขอความช่วยเหลือไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น ก่อนจะประสานขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยทหาร มทบ.41 ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 นำทหารจากศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร นำโดย พ.อ.จตุพล สีเกตุ ตำแหน่งผู้บังคับศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 41 ลงไปให้ความช่วยเหลือ และยังพบว่าต้นไม้น้อยใหญ่ในเส้นทางพายุงวงช้างพัดผ่านหักโค่ล้มระเนระนาด กีดขวางบนถนนทำให้การจราจรเป็นไปด้วยความยากลำลาก

ขณะที่นายกิตติพงษ์ รองเดช นายอำเภอปากพนัง นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ อส. ลงพื้นที่ช่วยเหลือ และร่วมกันเลื่อยและตัดฟันกิ่งไม้ต้นไม้ ขนออกพื้นผิวการจราจร จนสามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ

ด้านสองแม่ลูกเล่านาทีระทึกว่า ในขณะที่นอนหลับอยู่ในบ้านได้มีลมพายุงวงช้างพัดถล่มบ้านทั้งสองหลังอย่างรุนแรง และได้ยินเสียงกระเบื้องหลุดแตกโครมคราม จึงพยายามหาซอกมุมของบ้านที่คิดว่าแข็งแรงและปลอดภัยซุกหลบซ่อนตัว จนเวลาผ่านไป 10-15 นาทีพายุจึงสงบ พบว่าบ้านและทรัพย์สินพังเสียหายยับเยินดังกล่าว.