ผลพวงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ผู้คนส่วนใหญ่ ต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้หน้าที่การงานอันเป็นที่รัก และการปักหลักทำอาชีพต้องยุติลงอย่างถาวร ทว่ามีหลายคนไม่ยอมจำนนให้สิ่งเหล่านี้มาทำให้ชีวิตต้องสิ้นสุดทางเลือก ด้วยการสร้างทัศนคติที่ดี พร้อมปรับแนวความคิดเชิงบวก มาสร้างพลังใจให้ตัวเอง สามารถมีแรงขับเคลื่อนใช้ชีวิตที่ออกแบบได้เองได้อย่างมีความสุข ไม่มีความทุกข์

ธัญรดา ทวีถาวรสวัสดิ์ “จี้” อดีต พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เจ้าของร้านขนมปังออนไลน์ “ahausofbread” เล่าว่า ช่วงที่มีวิกฤติโควิด เมื่อ 2563 เป็นช่วงที่สายการบินเริ่มหยุดปิด และมีการตัดเงินเดือน จากนั้นเริ่มแบ่งลูกเรือเป็นลอต ๆ ว่าลอตไหนจะปฏิบัติหน้าที่เดือนไหน ระหว่างที่รอไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตลอดระยะเวลาสามเดือน กลายเป็นคนอยู่บ้านเฉย ๆ ด้วยความเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย และมีความสนใจในการเลี้ยงยีสต์ธรรมชาติ ช่วงเวลานั้นเลี้ยงยีสต์ไปและนำมาทำขนมปังที่ไม่มีสารเคมี ไม่ปรุงแต่งเยอะ พอทำขนมเสร็จแบ่งให้เพื่อนชิม นำคำติมาปรับปรุงไปเรื่อย ๆ กระทั่งวันหนึ่งบริษัทสายการบิน มีนโยบายเปิดให้เออร์ลี่รีไทร์ จึงตัดสินใจลาออก ไม่ได้คิดว่า การฝึกทำขนมปังจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ในวันที่ว่างเว้นจากการทำหน้าที่พนักงานต้อนรับบนเครื่อง จะเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพทำขนมปังในวันนี้

คุณจี้เล่าต่อว่า ระหว่างที่ลาออกจากงานประจำ หาความชอบของตัวเองว่า ชอบทำขนมปัง ระหว่างนั้นเรียนรู้และหาข้อผิดพลาดไป เมื่อลงตัวเปิดร้านทางไอจี เปิดขายทางออนไลน์ ทางไอจี เน้นทำออนไลน์แบบเงียบ ๆ และตั้งชื่อร้าน “ahausofbread” เริ่มมีลูกค้า ทำมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นเวลา 10 เดือน ในการทำขนมปัง ทำมาจากยีสต์ธรรมชาติ ไม่มีสารกันบูด ไม่มีสารเสริม ปลอดภัย ตั้งใจทำทุกก้อน ช่วงแรกที่ขายครั้งแรก ลุ้นมากว่าจะเป็นอย่างไร เพราะของกินไม่ได้ถูกปากทุกคน ตอนแรกทำใจไม่ได้ ถ้ามีคนบอกว่า ไม่ชอบ แต่จุดหนึ่งคิดว่า ในเรื่องของกิน คนเราชอบไม่เหมือนกัน แต่ได้นำคำติชมมาปรับปรุง เพื่อให้ขนมปังดีขึ้นเรื่อย ๆ อยากทำขนมปังที่ตั้งใจ เพื่อให้คนที่กินมีความสุข และพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

“ในวันที่ตัดสินใจ เลิกอาชีพแอร์โฮสเตส เพราะช่วงที่โควิดระบาดเมื่อปี 2563 ยอมรับได้ว่า จุดนั้นต้องมาจริง ๆ เราก็แค่มูฟออนต่อไป ทางเดินอันนี้จบแล้ว เราก้าวต่อไป ทางเดินนั้นเป็นอะไรต่อ ต้องก้าวต่อไป ไม่กดดันตัวเอง พยายามไม่เครียดกับตัวเองในการผลักดันไปสู่อาชีพใหม่เร็ววัน ช่วงที่ยื่นใบลาออก ใจหายนิดหนึ่ง แต่คิดว่าคงถึงเวลา ถึงจุดเหมือนเป็นพรหมลิขิตว่า ไปต้องไป คนเราไม่สามารถ มีคอมฟอร์ตโซนได้ตลอดชีวิต ถึงจุดหนึ่ง เราต้องกล้าที่จะก้าวออกมา เพื่อจะทำอะไรใหม่ ๆ อาจเป็นนิวคอมฟอร์ตโซนของเราก็ได้ เป็นอนาคตที่เราไม่รู้ ถ้าไม่ลองเสี่ยงดู อาจไม่เจออะไรที่ดีกว่าเดิม คนเราท้อได้ แต่ห้ามถอย ยังมีอีกหลายคนที่เจอวิกฤติแบบเดียวกัน จะไม่พูดว่า พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เพราะโอกาสไม่ได้มากับทุกคน ต้องยอมรับและมีสติ แล้วดูว่า เราทำอนาคตตัวเองอย่างไรได้บ้าง แล้วทำตรงนั้นให้ดีที่สุด เท่ากับเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่าไปจมปลัก เริ่มต้นที่ตัวเองก่อน” คุณจี้ย้ำถึงพลังบวกที่นำมาเป็นพลังย่างก้าวใหม่ของชีวิต

อรนภา ธารณภัค หรือ “ปิงปิง” อดีตนักบินสายการบินแห่งหนึ่งที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของร้านขายจานออนไลน์ @flares_vintage เล่าว่า เริ่มต้นชีวิตเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินแห่งชาติ เป็นลูกเรือการบินไทยได้ 10 ปี และช่วงเข้าปีที่ 7 มีความสนใจอยากทำงานเป็นนักบิน สมัครเข้าไปเรียนที่โรงเรียนการบิน หลังจากนั้นสมัครเป็นนักบินที่สายการบินนกสกู๊ต และทำหน้าที่ 1 ปีกับ 2 เดือน เจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด เมื่อปี 2563 ทำให้ต้องออกจากอาชีพ

ในวันที่ชีวิตเจอผลกระทบจากโควิด-19 จนทำให้อาชีพที่รักและชอบต้องหยุดชะงักลง คุณปิงปิง เล่าว่า “หนูคิดบวก ว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นความแย่ของเรา คิดว่าเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ทำให้เราค้นพบตัวเองอีกมุมหนึ่ง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของเรา แต่เป็นอีกโอกาสหนึ่ง เหมือนเป็นบททดสอบเรา ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากบริษัทมาคิดว่า เราจะทำอะไร แต่ตอนที่เราเป็นแอร์โฮสเตส เปิดร้านขายเสื้อที่เทอร์มินัล 21 เลยคิดว่าจะขายของ พอเจอโควิดอีกระลอก ร้านเสื้อต้องปิด เพราะไม่มีนักเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา เลยเข้ามาตลาดออนไลน์และเริ่มขายจาน เพราะความชอบซื้อจานมาเก็บสะสม เลยทำเป็นร้านขายจาน @flares_vintage ที่มีของวินเทจจากอังกฤษ และจานที่เป็นของใหม่และทำอีเวนต์จัดตลาดนัดลูกเรือนักบิน เพราะอยากช่วยเพื่อนร่วมอาชีพ มีอะไรทำ”

“จริง ๆ อยากกลับไปสู่อาชีพเดิม เพราะเป็นความฝัน แต่กว่าทุกอย่างจะกลับมา คิดว่าคงใช้เวลาประมาณสามปีเป็นอย่างน้อย ช่วงนี้คิดว่า ยึดอาชีพขายจาน จัดอีเวนต์จัดตลาดนัดไปก่อน ถ้าสายการบินต่างประเทศเปิดรับสมัครจะลองสมัคร วันที่ชีวิตเจอกับผลกระทบโควิดจนออกจากอาชีพนักบิน มีโทรศัพท์คุยกับเพื่อนร่วมอาชีพการบินเหมือนกัน บอกเพื่อนว่า อย่าเสียเวลาเลย ทำอะไรไม่ได้ เราต้องมูฟออน หาอะไรใหม่ ๆ ทำ อีกหน่อยถ้าโอเคขึ้นมาอาจไม่กลับไปเป็นนักบินก็ได้ โอกาสมีให้เราเสมอ เพียงแต่เราต้องเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตใหม่ ช่วงที่ผ่านมาหลายอาชีพก็หยุดไปค่อนข้างนาน มีความรู้สึกท้อ เราก็เข้าใจ ทุกคนเสียใจได้ แต่อย่านาน ล้มได้แต่เราต้องลุกขึ้นมาใหม่ สุดท้ายแล้วชีวิตต้องดำเนินต่อไป แต่ว่ามันมีวิธีของมัน บางทีเราอาจเจออะไร ที่เราอยากจะทำมากกว่าที่ผ่านมาก็ได้ ทุก ๆ อย่างคือโอกาส ทุก ๆ บทเรียน ทุกประสบการณ์สอนเราเสมอ วันหน้าที่เจออุปสรรคใหญ่ ๆ เราจะสามารถก้าวผ่านได้” คุณปิงปิง กล่าวถึงทัศนคติเชิงบวกที่สร้างพลังใจให้ตัวเองและผู้อื่น

ณัฐกาญจน์ เด่นวณิชชาการ หรือ คุณจอย เจ้าของโครงการบริการ Joy Ride (จอย ไรด์) เล่าว่า ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีภาวะความเครียดจากการทำงานแบบ เวิร์กฟรอมโฮม จนแทบป่วยเป็นซึมเศร้า จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และก่อนลาออกเข้าไปตั้งกระทู้ในกลุ่มมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน และ กลุ่ม JobThai Official Group ว่า “กำลังจะว่างงาน ถ้าเกิดจะทำเรื่องบริการรับสั่งผู้ป่วย คนแก่ไปโรงพยาบาลจะว่าอย่างไร” เมื่อข้อความที่ส่งออกไปได้รับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสนับสนุนและกลายมาเป็นโครงการบริการ Joy Ride บริการรถรับส่งพร้อมผู้ดูแล

ในวันแรกที่เริ่มต้นให้บริการ จอย ไรด์ คุณจอยเล่าว่า เจอกับประกาศล็อกดาวน์ ทำให้คนส่วนใหญ่งดการเดินทางไปโรงพยาบาล เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นการขับรถรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาจนหาย กลับจากโรงพยาบาลสนามเพื่อกลับบ้าน จนกลายเป็นแคมเปญเวลคัม โฮม (Welcome Home) พาเธอกลับบ้าน และผู้รับบริการมีความประทับใจได้นำมาถ่ายทอดเรื่องราวสู่สังคมออนไลน์ เป็นจุดเริ่มต้นของการบริการ ทำให้มีรายได้และมีบุ๊กกิ้งเพิ่มขึ้น

จากการตอบรับ ที่มีผู้สนใจในการบริการของ จอย ไรด์ ทำให้มีทีมงาน ที่เรียกว่า “แคร์ ทีม” สนใจทำงานร่วมกัน ตอนนี้มีกลุ่มแคร์ ทีม ที่มาจากอาชีพการบิน การโรงแรม มาร่วมทีม พร้อมเปิดการบริการแบบ Ambulove ดูแลพร้อมรถรับส่ง จากบ้านถึงสถานพยาบาล พร้อมบริการรับคิว นั่งรอเป็นเพื่อน Welcome home พาเธอกลับบ้าน รับผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาจนหายแล้ว ที่ ฮอสพิเทล โรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาล กลับบ้าน MamaBabe บริการดูแล และรับส่งคุณแม่ตั้งครรภ์ และ Joy Go Round การดูแลผู้สูงอายุ ไปวัดทำบุญ เป็นเพื่อนซื้อของ ทำธุระ และ Joy Ride to Fly บริการผู้สูงอายุที่ต้องโดยสารเครื่องบินครั้งแรก หรือเดินทางเพียงลำพัง เพื่อมาหาลูกหลานที่กรุงเทพมหานคร หรือต้องเดินทางกลับต่างจังหวัด

“การบริการ จอย ไรด์ เป็นงานที่จอยตั้งใจทำขึ้นมาจากความคิดที่ว่า ลูก ๆ หลาน ๆ หลายคนเป็นห่วงพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ แต่ไม่มีเวลา ติดงาน ติดประชุม ต้องการใครสักคนที่ไว้ใจได้ให้ช่วยดูแลแทน รวมถึงเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ คนโสด คนที่ไม่มีลูก กำลังมาแรงและน่าจับตามอง การบริการจอยเน้นความเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือกัน ยึดเรื่องฮิวแมน ทัช ออกจากงานประจำ มาทำงานนี้ มีความสุข อาจไม่ใช่งานที่สบาย งานที่สบายอาจทำแล้วไม่สนุก บางงานอาจมีทั้งไม่มีความสุข ทั้งไม่มีความสบาย จอย ไรด์ ไม่ใช่งานสบาย แต่สุขทั้งหัวใจ เงินไม่ได้เยอะ แต่มีความสุข จอยมีรายได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากเงินเดือนเก่า ไม่เยอะเลย แต่รู้สึกมีความสุขทุกวัน ถ้าลูกค้าทักมาจอยมีพลังมากพร้อมบริการ ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า แต่ลูกค้าคือ ครูผู้สอนเรา ผู้ให้กำเนิด จอย ไรด์ 20 เปอร์เซ็นต์ คือ รายได้ 80 เปอร์เซ็นต์คือ ความสุขในการทำงานของจอย” คุณจอย ทิ้งท้ายถึงความสุขที่สัมผัสได้จากชีวิตในเส้นทางใหม่ด้านอาชีพที่เลือกแล้ว.