องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ (FDA) เพิ่งได้รับรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐวิสคอนซิน โดยมีคนไข้หญิงได้รับบาดเจ็บ โดนกระสุนปืนเข้าที่บริเวณแก้มก้น เนื่องจากเธอพกปืนติดตัวเข้าไปด้วยในระหว่างที่เข้ารับการตรวจด้วยเครื่อง MRI

ในรายงานระบุว่า คนไข้หญิงวัย 57 ปี แอบนำปืนพกติดตัวเข้าไปในห้องตรวจ MRI โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รู้เห็น เมื่อเธอเข้าไปในเครื่อง MRI กระแสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกจากเครื่องก็กลายเป็นแรงดูดและไปกระตุ้นการทำงานของไกปืน และทำให้ลั่นกระสุนออกมา 1 นัด ซึ่งโดนเข้าที่แก้มก้นขวาของคนไข้หญิงรายนี้

โชคยังดีที่บาดแผลของคนไข้หญิงเป็นบาดแผลเล็กน้อยและไม่ลึก อีกทั้งเธอยังได้รับการรักษาในทันทีที่โดนกระสุนปืน คนไข้หญิงรายนี้จึงปลอดภัยดี

รายงานชี้แจงว่า เมื่อคนไข้หญิงรายนี้ผ่านกระบวนการตรวจสอบก่อนเข้าเครื่อง MRI และโดนถามว่าเธอมีวัตถุใด ๆ ที่เป็นโลหะติดตัวมาหรือไม่ เธอได้ปฏิเสธไปว่าไม่มี

อนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีการสรุปรายงานส่งให้ FDA เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ปืนลั่นระหว่างเข้าเครื่อง MRI มาแล้ว เมื่อเดือนก.พ. 2566 ทนายความชาวบราซิลรายหนึ่งเข้าไปในห้องตรวจ MRI ของโรงพยาบาลในเมืองเซาเปาลู เพื่อเป็นเพื่อนแม่ของเขาที่ต้องรับการตรวจ โดยพกปืนเข้าไปด้วย

เมื่อเครื่องทำงาน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาก็ดูดปืนพกจากเอวของทนายความรายนี้ และยังทำให้ปืนลั่นกระสุนออกมา ซึ่งไปโดนเข้าที่ท้องของผู้เป็นเจ้าของปืนและทำให้เขาบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ที่มา : cbsnews.com, miamiherald.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES