เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังรับร้องเรียนให้ช่วยเหลือ ชาวบ้านในพื้นที่หลังฉีดวัคซีนแล้วมีผลกระทบล้มป่วยเป็นอัมพาต โดยรายแรก น.ส.สมใจ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ร้องเรียนกรณีนายล้วน (สงวนนามสกุล) อายุ 84 ปี บิดาไปฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา เข็มแรก แล้วล้มป่วยเป็นอัมพาต ไม่สามารถเดินได้เหมือนแต่ก่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ลุกเดินคล่องได้เอง

น.ส.สมใจ กล่าวอีกว่า คุณพ่อไปฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่สนามฉีดวัคซีนวัดไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ไม่สามารถเดินได้กลายเป็นอัมพาตติดเตียงทันที เรื่องที่เกิดขึ้นตนและครอบครัวรู้สึกเสียใจ อีกทั้งตอนนี้ยังมีคุณยายอายุ 76 ปี ที่อยู่บ้านห่างกันแค่ 4 หลัง มีสภาพเหมือนคุณพ่อ คือก่อนหน้านี้ลุกเดินรับจ้างเก็บดอกรักไปขายได้ด้วยตัวเอง แต่หลังไปฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา เข็มแรกที่สนามฉีดวัคซีนเดียวกันกับคุณพ่อ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.กลับมาบ้านเพียงไม่กี่วันก็ไม่สามารถลุกเดินได้เป็นอัมพาตเหมือนคุณพ่อ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบตรวจสอบดูแลแก้ไขและเยียวยาช่วยเหลือเพราะเชื่อว่าต้องมาจากวัคซีนอย่างแน่นอน อีกทั้งพวกตนเป็นแค่ชาวสวนชาวนาไม่มีความรู้จะไปสอบถามหรือร้องเรียนหน่วยงานอย่างไร

นายเกียรติคุณ หรือ ทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับร้องเรียนจากทางโทรศัพท์จึงเดินทางลงพื้นที่มาตรวจสอบพบว่าเป็นจริงอย่างที่แจ้ง ซึ่งทั้งคุณตาล้วน ที่นอนติดเตียงมาร่วมเดือน และยังมีคุณยายเพื่อนบ้านอีกราย ซึ่งสอบถามแล้วพบว่าไปฉีดวัคซีนที่เดียวกันวันเวลาไล่เรียงกัน และเป็นวัคซีนชนิดเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่กลับมาไม่กี่วันก็มีอาการเดินไม่ได้ตั้งแต่นั้น เท่าที่สอบถามแล้วก็แนะนำว่าอันนี้ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการรับวัคซีนโควิด ตามประกาศของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นการยื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยาเบื้องต้น กรณีนี้ก็เป็นตามข้อ 5 (3) คือเจ็บป่วยที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนสามารถยื่นขอเยียวยาได้โดยไม่จำเป็นต้องรอการพิสูจน์ ซึ่งถ้าพร้อมพรุ่งนี้ (23ก.ย.) ก็จะไปยื่นขอรับเงินเยียวยากับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นนทบุรี พร้อมขอให้ตั้งคณะกรรมการอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป