ถูกยกเป็นไอดอลของใครหลายๆ คนในวงการบันเทิงสำหรับ โด่ง-องอาจ สิงห์ลำพอง ผู้กำกับ อาจารย์ และอดีตผู้บริหาร JKN มากความสามารถ ที่ล่าสุดมาเปิดใจกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ถึงโจทย์การทำงานที่ท้าทายในอนาคตของตนเองทั้งในแง่ของผู้บริหารสื่อ หรือซีรีส์และละครในวงการบันเทิง ตลอดจนบทบาทการเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับสื่อในแง่มุมต่างๆ

โด่ง เผยว่า “เรื่องปรับเปลี่ยนงานจากโหมดผู้บริหารล่าสุดมาทำงานกับสื่อแบบจัดเต็มอีกครั้งคือที่จริงแล้วอยากลองหาโอกาสใหม่ๆ ในโลกของสื่อที่เราชอบและถนัดที่สุดให้กับตัวเอง ลักษณะงานที่ท้าทายความสามารถของตัวเรา ได้ทำงานกับองค์การใหม่ๆ วัฒนธรรมองค์การที่เข้ากับตัวเราได้ดี และที่สำคัญอยากทำงานกับทีมบริหารและทีมงานที่กระหายความสำเร็จ รู้จริงในลักษณะของอุตสาหกรรมและมองภาพธุรกิจบันเทิงอย่างเข้าใจ เพราะธุรกิจบันเทิงไม่เหมือนธุรกิจประเภทอื่นๆ ในโลกเลย มันเป็นส่วนผสมของความเป็นธุรกิจกับความเป็นศิลปะ คนทำงานและผู้บริหารต้องรักษาสมดุลของทั้งสองสิ่งให้ได้ แนวทางการทำงานในอนาคต จริงๆ ถ้ามีโอกาสใหม่ๆ เข้ามา ก็คงเลือกที่จะทำงานในวงการสื่อเหมือนเดิม เพราะทั้งชีวิตเติบโตและทำงานกับสื่อมาโดยตลอด งานบริหารสถานีโทรทัศน์ก็ยังเป็นงานที่ท้าทายอยู่ แค่เปลี่ยนโจทย์ เปลี่ยนเกม และเปลี่ยนบริบท มันก็ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาตลอด รวมถึงงานกำกับละคร ซีรีส์ จริงๆ ก็กำกับซีรีส์มาตลอดไม่ได้ขาดหายไปเลย แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้ ขนาดลงกำกับซีรีส์วายมาแล้วสองเรื่องเมื่อปีที่แล้ว มันเป็นศาสตร์และศิลป์ใหม่ที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะมันมีขนบของตัวซีรีส์วาย มีลักษณะเฉพาะตัวที่ถือว่าเป็น soft power ใหม่ของประเทศไทยเลยทีเดียว ช่วงนี้พอผู้จัดละคร ซีรีส์รู้ว่าตัวเราพอมีเวลาว่างที่จะทำงานกำกับบ้างแล้ว ก็เริ่มมีติดต่อเข้ามา แค่รอสรุปงานให้ชัดเจนกัน”

“สำหรับงานทางด้านวิชาการนั้น การเป็นอาจารย์สอนหนังสือทำมาตลอดกว่า 10 ปี ตอนนี้ก็ยังเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาบรอดแคสต์ติ้งและการผลิตสื่อสตรีมมิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ รวมทั้งอาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาโท ภาควิชาการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ ก็มีงานสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีและโท เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ทำงานวิจัยส่วนตัว และก็กำลังร่วมกับคณาจารย์ที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่างหลักสูตรสำหรับการศึกษาในระดับปริญญาเอกอยู่”

“ในส่วนของเป้าหมายในวงการบันเทิงก็อยากทำงานหลายอย่าง ทั้งงานบริหารสถานีโทรทัศน์ ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมาก เพราะหลังสิ้นสุดใบอนุญาตจากทาง กสทช. แล้ว โลกของอุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์ก็คงเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ภูมิทัศน์ของสื่อคงมีการปรับตัวอย่างมากแบบเปลี่ยนกระบวนทัศน์เลยทีเดียว นั่นคือเรื่องที่ทำใหรู้สึกว่ามันจะยังเป็นเสน่ห์ของธุรกิจสื่ออยู่ที่มันพลวัตรตลอดเวลา ส่วนงานกำกับละคร ซีรีส์ก็ยังเป็นงานที่รักมาก เพราะเติบโตมากับงานโปรดักชั่นในลักษณะนั้น รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานกำกับทุกงาน แน่นอนงานในสื่อก็ยังเป็นงานที่รักและอยากทำอยู่ตลอด”