จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คดีหมูเถื่อน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดี นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ดำเนินการรับคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 126/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทสัตว์สัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฏหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว และคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อสอบสวนหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดสำหรับดำเนินคดีทางอาญาตามฐานความผิด ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ว่า สำหรับคดีพิเศษที่ 126/2566 ดีเอสไอจะดำเนินคดีในส่วนของตู้หมูเถื่อน 2,388 ตู้ โดยมีกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนที่เกี่ยวข้องแล้ว 9 บริษัท และเป็นกลุ่มบริษัทเดิมที่ดีเอสไอเคยแจ้งข้อหาดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ในคดีพิเศษที่ 59/2566 หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ซึ่งบางบริษัทรับหน้าที่เป็นเพียงชิปปิ้งเอกชน ขณะที่บางบริษัทรับหน้าที่เป็นเจ้าของตู้คอนเทเนอร์เองด้วย แต่แม้ว่าคดีพิเศษ 126/2566 ที่เราจะดำเนินการตรวจสอบ จะไม่พบของกลางหมูเถื่อน เพราะได้ถูกกระจายจำหน่ายไปทั้งหมดแล้วนั้น เเต่ดีเอสไอจะไปขยายผลดูในส่วนของการสำแดงของตู้คอนเทเนอร์ก่อนถูกนำออกจากท่าเรือ ว่าเป็นการสำแดงเท็จด้วยวิธีการอ้างว่าเป็นสินค้าประมงแช่แข็ง ไข่ต้มสุก หรือพลาสติกพอลิเมอร์จริงหรือไม่ และจะขยายผลตรวจสอบไปยังแหล่งรับซื้อต่างๆ ซึ่งหากทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงว่ามีลักษณะการสำแดงเท็จและทุจริตในขั้นตอนใดๆ คนรับซื้อเนื้อหมูเถื่อนในกลุ่ม 2,388 ตู้นี้ก็จะถูกดำเนินคดีอาญาร่วมด้วย
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวถึงคดีพิเศษที่ 127/2566 ซึ่งจะดำเนินการเกี่ยวกับตู้คอนเทเนอร์ กว่า 10,000 ตู้ มีทั้งชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง ชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง (ตีนไก่และอกไก่) รวมถึงเนื้อวัวเถื่อน โดยเป็นเหตุการณ์ลักลอบนำเข้าตั้งแต่ปี 2563 – ปัจจุบัน ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ได้ออกหมายเรียกพยาน 4 ราย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 2 ราย และบริษัทชิปปิ้งเอกชน 2 ราย เพื่อสอบปากคำนั้น ล่าสุดดำเนินการครบถ้วนแล้ว แต่ขอละเว้นการเปิดเผยเนื้อหาคำให้การ เนื่องจากอาจกระทบต่อข้อมูลที่สำคัญภายในสำนวน นอกจากนี้ เรายังมีบุคคลที่เป็นสายลับและข้าราชการประจำคอยให้ข้อมูล ซึ่งข้าราชการรายนี้เป็นคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงได้รับการยืนยันว่าการนำเข้าตู้คอนเทเนอร์บรรจุชิ้นส่วนสัตว์ต่างๆ เป็นขบวนการลักลอบนำเข้ามาจริง ซึ่งเราก็จะประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินคู่ขนานร่วมด้วย ทั้งนี้ ที่มีการระบุว่ามีนักธุรกิจชาวจีนเข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการลักลอบนำเข้าตู้เนื้อสัตว์เถื่อนกว่า 10,000 ตู้นั้น ล่าสุดมีอย่างน้อย 2 ราย ส่วนทั้งคู่จะมีบทบาทในสมาคมการค้าใดหรือไม่ คณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วน 10,000 ตู้นี้ได้ ออกจากท่าเรือหมดแล้วกระจายไปอยู่ที่ใดบ้าง เราก็จะไล่ค้นหาด้วยเครื่องมือเทคโนโลยี GPS TRACKING ซึ่งเป็นเครื่องมือของกรมขนส่งทางบก อย่างไรดีเอสไอจะประสานข้อมูลร่วมด้วย
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/01/IMG_8723.jpeg)
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายไทกร พลสุวรรณ นักกิจกรรมทางการเมืองและนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในประเด็นการเปิดตู้เนื้อหมูออกของ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และเงินจำนวน 10 ล้านบาทนั้น คณะพนักงานสอบสวนจะรอให้นายบริบูรณ์ ลออปักษิณ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เข้าให้ข้อมูลชี้แจงในวันที่ 12 ม.ค.นี้ เพื่อสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อรับฟังแล้วเสร็จจึงจะมีการขยายผลจากคำให้การของเจ้าตัวแล้วจึงจะพิจารณาเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวพาดพิงมาให้ข้อมูลต่อไป
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวต่อว่า ในวันจันทร์ที่ 8 ม.ค. ได้นัดหมายคณะพนักงานสอบสวนประชุมความคืบหน้าทางคดี ทั้ง 2 คดีพิเศษ คือ คดีพิเศษที่ 126/2566 และคดีพิเศษที่ 127/2566 เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในการดำเนินคดีพิเศษที่ 127/2566 (คดีตู้คอนเทเนอร์เนื้อสัตว์ต่างๆ กว่า 10,000 ตู้) เราได้สอบปากคำพยานที่เป็นบริษัทชิปปิ้งเอกชน 1 ราย โดยเป็นชิปปิ้งหน้าใหม่ ที่รู้เห็นเหตุการณ์ แต่ไม่เคยปรากฎในสำนวนคดีพิเศษที่ 59/2566 หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ และได้สอบปากคำบุคคลที่เป็นหน้าเสื่อ 3 ราย โดยหน้าเสื่อมีหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกือบหมดแล้ว ขณะที่การสอบปากคำพยานแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินการแล้ว 1 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในแวดวงการเปิดตู้ออกของที่ท่าเรือ ซึ่งกลุ่มพยานเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ขบวนการลักลอบนำเข้า-ส่งออก สินค้าชิ้นส่วนสัตว์แช่แข็งทั้งหมด จึงประสงค์เข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ทำให้ดีเอสไอเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายผลไปยังกลุ่มผู้กระทำผิดตัวจริงได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กระบวนการทางคดีในตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการไล่เรียงสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเสร็จสิ้นการสอบปากคำพยานแล้ว จึงจะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาพยานหลักฐานว่าจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดบ้าง แล้วจึงจะรวบรวมพยานหลักฐานเหล่านี้เพื่อขอศาลออกหมายพยาน หมายค้น หรือหมายจับต่อไป.