เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ สำนักงานทนายความคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.ธัญวรินทร์ ภักดี อายุ 38 ปี อาชีพค้าขาย นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยเหลือ หลังจาก น.ส.บุศกร แตงอ่อน อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ป่วย เป็นโรคไข้หวัดใหญ่แล้วได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี แล้วหมอวินิจฉัยโรคผิดพลาดทำให้เป็นผู้ป่วยติดเตียง

น.ส.ธัญวรินทร์ กล่าวว่า เมื่อกลางปี 63 ตนได้พาแม่ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าว พอไปถึงหมอให้นอนโรงพยาบาล มีพยาบาลมาสอบถามอาการและวัดไข้ โดยแม่มีอาการปวดท้องอาเจียนทานอะไรไม่ได้ โรงพยาบาลจึงได้พาแม่ไปสแกนท้อง เนื่องจากสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคนิ่วในท้อง วันรุ่งขึ้นทางหมอมาตรวจ แจ้งอาการว่าไม่น่าจะเป็นอาการของโรคนิ่วในท้อง คาดว่าน่าจะเป็นไข้เลือดออก เลยเจาะเลือดแม่ไปตรวจ ซึ่งแม่ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลต่อ มีพยาบาลคอยมาวัดความดัน จนกระทั่งวันที่ 18 มิ.ย. แม่บ่นว่ามีอาการปวดหัวรุนแรง จึงได้สอบถามจากพยาบาลที่ดูแลว่าจะต้องทำยังไงต่อ ทางพยาบาลตอบว่าเป็นอาการปกติของผู้สูงอายุ กระทั่งตอนเย็นแม่ไปเข้าห้องน้ำ ขณะเดินกลับมาที่เตียงคนไข้ได้ล้มหมดสติ จนตกใจจึงได้รีบเรียกหมอกับพยาบาลให้มาดูแม่ ซึ่งหมอที่มาดูเป็นหมอเวรไม่ใช่หมอที่รักษาแม่มาก่อนหน้านี้ หมอคนดังกล่าวถามตนว่าแม่เป็นอะไร ทำไมถึงป่วยรุนแรงขนาดนี้

“หลังจากนั้นได้ส่งตัวไปรักษาต่อยังอีกโรงพยาบาล เมื่อมาถึงโรงพยาบาล หมอได้นำแม่สแกนสมอง พบว่าเส้นเลือดในสมองซีกซ้ายแตก ทางหมอได้ออกมาถามตนว่าทำไมปล่อยให้แม่เป็นหนักขนาดนี้ ถึงพามารักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งตนตอบหมอไปว่าตนไม่รู้ คุณหมอเลยถามพยาบาลที่มาด้วย พยาบาลตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน ทางหมอได้ถามว่าจะผ่าตัดแม่ไหม มีความเสี่ยงสูงถึง 70% ตนเลยอนุญาตให้ผ่าตัด หลังผ่าตัด ทางตนทราบจากหมอว่าแม่เป็นเส้นเลือดสมองแตก วันรุ่งขึ้นจึงได้เดินทางกลับไปที่โรงพยาบาลเดิม สอบถามคุณหมอว่าเป็นเส้นเลือดแตกในสมอง ทำไมทางโรงพยาบาลวินิจฉัยโรคไม่ถูก ซึ่งก่อนหน้านี้ทางแม่บอกแล้วว่าปวดหัว มีการวัดความดันตลอด ทางโรงพยาบาลได้นำหลักฐานมาดูพบว่ามีความดันเกิน 200 ทุกครั้งที่วัด แต่ทางโรงพยาบาลไม่รักษาให้ถูกอาการ” น.ส.ธัญวรินทร์ กล่าว

น.ส.ธัญวรินทร์ กล่าวต่อว่า ตนได้เดินทางร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน จนมาที่สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี สสจ.นนทบุรี บอกกับตนว่าทางโรงพยาบาลดังกล่าวมีมูลความผิด ซึ่งทาง สสจ.นนทบุรี ได้ช่วยเหลือเบื้องต้นตามมาตรา 41 เป็นจำนวนเงิน 240,000 บาท โดยมีข้อแม้ว่าทางผู้เสียหายจะต้องเซ็นสัญญาไม่ฟ้องร้อง และไม่ดำเนินคดีต่อ เนื่องจากตนไม่มีเงินมารักษาจึงได้ตกลงรับเงิน ทั้งที่แม่ของตนค้าขายได้เดือนละ 40,000-50,000 บาท แต่กลับต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงจนถึงทุกวันนี้ ต้องให้อาหารทางท่ออาหาร ทุกวันนี้ต้องจ้างคนมาดูแลแม่เดือนละ 30,000 บาท ไหนจะอุปกรณ์ในการรักษา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง จึงได้ติดต่อกลับไปที่ผอ.โรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อให้ช่วยเหลือเพิ่มเติม ทาง ผอ. บอกว่าเพิ่งรับตำแหน่งได้ 2 เดือน ยอมรับว่าลูกน้องทำงานบกพร่อง ขอร้องไม่ให้ไปฟ้องร้องดำเนินคดีต่อ ฟ้องร้องไปทางโรงพยาบาลก็ไม่มีเงิน เพราะเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก รับปากว่าจะรักษาพยาบาลตามอาการของคุณแม่ ตนเลยรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางมาร้องทนายรณรงค์เพื่อให้ช่วยเหลือ

ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ถ้ามีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐประมาทเลินเล่อและเป็นการละเมิด ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้สู่สภาพเดิม ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์ กระทรวงสาธารณสุขต้องจ่าย ถึงจะเป็นการใช้บัตร 30 บาทก็ตาม เบื้องต้นอยากจะเรียกร้องไปถึงกระทรวงสาธารณสุข ว่ามีมาตรการที่รับผิดชอบได้จริงไหม ไม่ใช่ว่าจ่ายแล้วจบซึ่งมันไม่พอ ไม่อยากให้คนอื่นมาเจอแบบนี้อีก ที่ต้องมารอผลเลือด 5 วัน พอวันที่ 5 เส้นเลือดในสมองแตกมันคงไม่ใช่ หลังจากนี้คงต้องไปที่กระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง ว่าจะมีมาตรการแก้ไขอย่างไร.