เมื่อวันที่ 30 ม.ค. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 11 ขวบ ที่ถูกชายคนหนึ่งล่วงละเมิด แจ้งตำรวจไว้แต่คดีไม่คืบ คนร้ายยังลอยนวล ทั้งที่มีหลักฐานชี้ตัวทุกอย่าง จนพ่อต้องไปตามจับตัวคนร้ายเอง ทั้งยังถูกผู้ก่อเหตุแจ้งความกลับดำเนินคดี

ครอบครัวของเด็กอายุ 11 ขวบ เล่าว่า ครูที่โรงเรียนสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กหญิง จากเป็นเด็กร่าเริง กลับมีอาการซึมเศร้า ผิดปกติ ครูสอบถามจากเด็กจนทราบว่า เด็กถูกแฟนหนุ่มของป้าแท้ๆ ที่รู้จักกันผ่านแอปหาคู่ ล่วงละเมิดทางเพศ

ครอบครัวของเด็กเล่าว่า หลานสาวอายุ 11 สนิทกับป้า ก่อนจะเกิดเรื่อง เคยขอโทรศัพท์มือถือจากป้า แต่ว่าก็ยังไม่ได้ จนกระทั่งป้าพาหลานไปเที่ยว พร้อมกับนัดเจอแฟนหนุ่มที่ชื่อ เรวัช มาเจอกัน ปรากฏว่าตอนที่มาเจอกัน ป้าเขาแยกตัวไปซื้อของ ปล่อยให้หลานสาวอยู่กับแฟนของตัวเอง นายเรวัชใช้โอกาสนั้น หลอกเด็กขึ้นไปบนรถ อ้างว่าจะซื้อโทรศัพท์ให้ แล้วก็จับเด็กมัดมือ ปิดตา แล้วล่วงละเมิดเด็ก น้องดิ้นรนขัดขืนจนหนีออกมาได้ แล้วร้องไห้มาเล่าเรื่องให้ป้าฟัง

แต่หลังจากกลับมา ป้ากลับไม่ยอมบอกให้ครอบครัวรับทราบ จนครูของเด็กมาที่บ้าน แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ครอบครัวฟัง นำไปสู่การแจ้งความเอาผิดนายเรวัช ครอบครัวไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร แต่คดีความไม่คืบ ตำรวจก็บอกว่าต้องรอให้ได้ชื่อนามสกุลคนทำมาก่อน รอผลตรวจร่างกาย รอแล้วรอเล่า ทั้งที่เรามีหลักฐานอยู่ครบ ทั้งคลิปเสียงอะไรต่างๆ นานา ตำรวจก็บอกว่าจับไม่ได้

สุดท้ายพ่อกับญาติๆ วางแผนให้ลูกสาวโทรฯ นัดผู้ก่อเหตุออกมาเจอ อ้างว่าจะยอมให้ล่วงละเมิด แลกกับโทรศัพท์ โดยทางครอบครัวได้แจ้งตำรวจว่าให้ไปดักรอจับ แต่ตำรวจบอกว่าไม่ไป ถึงไปก็จับไม่ได้ พอผู้ก่อเหตุมาตามนัด พ่อก็เข้าไปถามว่า “มึงทำอะไรลูกกู” เขาก็ปฏิเสธแล้วขัดขืน จนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกัน กลุ่มของพ่อ 3 คน เข้าไปรุมช่วยกันจับตัว มีเตะ มีต่อย แล้วมัดผู้ก่อเหตุไว้ รอตำรวจมาเอาตัวไป

ระหว่างนั้น ญาติก็โทรฯ แจ้งตำรวจว่าจับได้แล้ว ให้มาเอาตัวได้เลย ส่วนกลุ่มของพ่อ พอมัดผู้ก่อเหตุไว้กับต้นมะพร้าวได้แล้ว ก็ไปโรงพักเลย เพราะคิดว่าเดี๋ยวตำรวจคงมาเอาตัวผู้ก่อเหตุไปแน่ๆ แต่ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อกู้ภัยมาเจอผู้ก่อเหตุถูกมัดอยู่กับต้นไม้ ในสภาพสะบักสะบอม จึงเข้าช่วยเหลือ หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็ไปแจ้งความจับกลุ่มของพ่อ ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย ทำให้พ่อถูกดำเนินคดีทันที ส่วนคดีล่วงละเมิด ผู้ก่อเหตุแค่รับทราบข้อกล่าวหา แล้วก็ปล่อยตัวไป

ต่อมาตำรวจของโรงพักนี้บอกว่า ต่างคนต่างมีความผิด ก็ควรจะมาเคลียร์กัน ต่างฝ่ายต่างเคลียร์กัน จะได้จบๆ ไป ไม่ต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้ทางครอบครัวก็คาใจในการทำงานของตำรวจ ว่าทำไมถึงทำแบบนี้

ขณะที่ทนายไพศาล บอกว่า พฤติการณ์แบบนี้มันเข้าข่ายความผิด มาตรา 279 ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มีโทษจำคุกหนัก 20 ปี แล้วการที่ครอบครัวไปตามจับตัวมาส่งตำรวจ เขาแค่เข้าใจผิดว่าจับตัวคนผิดมาส่งตำรวจได้ แต่จริงๆ ตามกฎหมายมันทำไม่ได้ เขาไม่ได้ลวงออกมาทำร้าย เจตนาคือการล่อออกมาจับกุมตัว เพราะตำรวจไม่ทำงาน เขาถึงต้องทำแบบนี้

พ.ต.อ.สุริยนต์ ชมมี ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน โฟนอินเข้ามาบอกว่า ตนก็มีลูกสาว และเข้าใจความรู้สึกของผู้เสียหายอย่างดี แต่ก็ต้องขอความเป็นธรรมให้พนักงานสอบสวนของตนเองด้วย หลังได้รับแจ้งความมาแล้ว ได้พาครอบครัวของน้องไปตามหาชื่อผู้ก่อเหตุทันที ตั้งใจทำคดี ตั้งใจหาตัวคนผิดเต็มที่ แล้วก็แจ้งข้อกล่าวหากับนายเรวัชก่อนแล้ว คดีนี้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายจริงๆ ไม่ได้มีการช่วยเหลือใดๆ เลย

แล้วทางตำรวจก็ยังมองที่ป้าเด็ก ที่แนะนำให้เด็กรู้จักกับผู้ก่อเหตุ เข้าข่ายความผิดเรื่องเป็นธุระจัดหาด้วยหรือไม่ ได้สั่งการให้ลูกน้องไปขยายผลเรื่องนี้แล้วด้วย

ส่วนที่ญาติบอกว่าคลิปเสียง คลิปหลักฐานต่างๆ ที่มอบให้พนักงานสอบสวนแต่เขาไม่ยอมฟัง เพราะเขามุ่งแต่จะไปตามหาจากร้านโทรศัพท์ ข้ามอำเภอไปหาชื่อ หานามสกุล ตั้งใจจะออกหมายจับให้ได้ ทำให้ไม่ได้โฟกัสเรื่องอื่นเลย

แต่ยืนยันว่าคดีนี้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างตรงไปตรงมาทุกอย่าง  ส่วนประเด็นไหนที่ทางญาติมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีการกระทำของพนักงานสอบสวนที่ดูไม่ตรงไปตรงมา ตนขอไปตรวจสอบอีกครั้ง

สุดท้ายทนายไพศาล จะส่งทีมทนายความเข้าไปช่วยเหลือทางครอบครัว ยืนยันว่าคดีทำร้ายร่างกายของพ่อเด็กไม่รุนแรง และไม่ได้มีเจตนาจะลวงออกมาทำร้ายร่างกาย และในเรื่องนี้หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จะเข้ามามาช่วยดูแล