เมื่อวันที่ 1 ก.พ. จากกรณี น.ส.วาสนา สาวทอม อายุ 38 ปี ถูกมีดแทงบริเวณช่องท้องนอนรอความช่วยเหลือที่บ้านชาวบ้านข้างทาง กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลสตึกก่อนจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ จากการสอบถามนางศรีนภา ศรีโสภา อายุ 63 ปี ข้าราชการครูบำนาญ ที่ให้การช่วยเหลือ เล่าว่า คนเจ็บเคยเป็นลูกศิษย์ นับถือตนเองเป็นแม่ ช่วงเกิดเหตุคนเจ็บเห็นขับรถมาจอดหน้าบ้านแล้วขอความช่วยเหลือบอกว่า ถูกคนร้ายสวมไอ้โม่ง ปิดหน้าปิดตา 2 คนขี่รถจักรยานยนต์แล้วเดินลงมาหา โดย 1 ในคนร้ายได้ล็อกคอตนเองแล้วให้อีกคนหนึ่งใช้อาวุธมีดจ้วงแทงไปที่หน้าท้อง 1 ครั้งได้รับบาดเจ็บ
หลังจากตำรวจชุดสืบสวนได้ข้อมูลเริ่มแกะภาพจากกล้องวงจรปิดตามที่ผู้บาดเจ็บกล่าวอ้าง และตามไปดูกล้องวงจรปิดทุกจุดตามเส้นทาง ปรากฏว่าไม่พบบุคคลต้องสงสัยตามที่สาวทอมกล่าวอ้าง จนกระทั่งตำรวจชุดสืบสวน สภ.สตึก ตามไปซักถามสาวทอมเพิ่มเติม อีกครั้งที่โรงพยาบาลหลังอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว สาวทอมได้ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้กุเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเอง
“สาเหตุเพราะเครียดที่ติดหนี้กับนายทุน แต่ไม่มีเงินจ่าย จึงไปซื้อมีดปอกผลไม้กับร้านค้าแล้วเอามาแทงตัวเอง ก่อนจะสร้างเรื่องว่ามีคนร้ายสวมไอ้โม่งมาแทง 2 คน คนหนึ่งล็อกคอ อีกคนหนึ่งแทง ยอมรับว่าการกุเรื่องขึ้นเพื่อต้องการให้เรื่องถึงตำรวจ แล้วกลุ่มนายทุนจะไม่กล้ามาทวงอีก คือต้องการให้ตำรวจเป็นโล่บังเจ้าหนี้” สาวทอมกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วัฒนา มางาม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สตึก เปิดเผยว่า จากการสอบสวน สาวทอม ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ผู้บาดเจ็บให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธมีดปอกผลไม้ที่ซื้อมาแทงตนเอง เนื่องจากเกิดความเครียดเรื่องหนี้สินและปัญหาครอบครัว หลังเกิดเหตุโยนอาวุธมีดทิ้งไว้ในป่าข้างทาง แล้วกุเรื่องว่ามีคนร้ายสวมไอ้โม่ง 2 คนเข้ามาทำร้ายเพื่อให้เจ้าหนี้เกิดความเห็นใจ
อย่างไรก็ตาม สาวทอม ได้ขอโทษตำรวจที่ทำไปเพราะคิดสั้นๆ ส่วนตำรวจยกโทษให้จะไม่ดำเนินคดี แต่ขออบรมที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 ชม. เพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมแบบนี้อีก เพราะอาจจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จ