เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “คน..พังงา” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 ว่า “#ชาร์จแบตรถยนต์ในที่สาธารณะได้หรือไม่ พิกัดสวนสมเด็จอำเภอเมือง จังหวัดพังงา รถไฟฟ้าชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้ไฟสาธารณะ หลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าหากว่ามีคนใช้รถไฟฟ้าเป็นพาหนะเพิ่มขึ้นแล้วทำแบบนี้กันทุกคนจะเกิดอะไรขึ้น #ตัวอย่าง -หากไปตัดปาล์มซัก 1 ทลาย เอามาเป็นของตัวเองถือว่าผิดหรือไม่ -หากไปหยิบของซัก 1 ชิ้น ในห้างหรือในร้านค้าเอาไปเป็นของตัวเองโดยไม่จ่ายเงินถือว่าเป็นขโมยหรือไม่ #การที่ไปต่อสายชาร์จแบตรถยนต์ในสถานที่ราชการหรือที่สาธารณะถือว่าเป็นการขโมยไฟใช้หรือเปล่า

ฝากถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตั้งจุดชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้เพียงพอกับอัตราการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อย่าให้ปัญหาเกิดขึ้นก่อนแล้วมาแก้ทีหลัง และขอฝากผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าบางคนให้เห็นแต่ส่วนรวม ช่วยกันคนละนิด หากท่านไฟฟ้าหมดตรงนั้นจริงๆ เราไม่ว่ากัน แต่หากว่าแบตเตอรี่เหลือน้อย ให้ท่านไปขอความช่วยเหลือจากคนพังงาได้เกือบจะทุกหลังคาเรือน เขายินดีที่จะช่วยท่านอยู่แล้ว คนพังงาใจดีและน่ารักทุกคน #คนพังงา #ทำแบบนี้ได้หรือไม่” ต่อมาได้มีการแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ขณะที่รถคันที่ก่อเหตุนั้น เป็นรถไฟฟ้าเป็นรถยี่ห้อ VOLT สีขาว

ล่าสุดทางนายชูโชติ โกยกุล นายกเทศมนตรีเมืองพังงา ได้มอบหมายให้ นายภาณุมาศ สันติจิตโต รองนายกเทศมนตรีเมืองพังงาลงพื้นที่ นำสื่อมวลชนดูพื้นที่จุดที่เกิดเหตุ บริเวณป้อมยามหน้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ฝั่งถนนสายเมืองพังงา-อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา และได้ชี้แจงว่า หลังจากทางเทศบาลเมืองพังงาได้ทราบข่าวจากสื่อโซเชียลแล้ว ได้สั่งการนิติกรนำหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสอบสวน สภ.เมืองพังงา ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้รถไฟฟ้าคันที่ก่อเหตุคันดังกล่าว พร้อมกับให้ทางกองช่างตัดกระแสไฟฟ้าในจุดสาธารณะต่างๆ ออก หากไม่มีการใช้

“ฝากให้ผู้ที่ใช้รถไฟฟ้า อย่าคิดมักง่ายด้วยการชาร์จไฟในที่สาธารณะ หรือในหน่วยงานราชการ เพราะเป็นความผิดในข้อหาลักทรัพย์สินของทางราชการ และเดี๋ยวนี้แต่ละสถานีบริการน้ำมันก็มีจุดบริการชาร์จรถไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือกลับไปชาร์จที่บ้านตัวเองจะดีกว่า” นายกเทศมนตรีเมืองพังงา กล่าวเตือน.