สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ว่า นายเปเร อาราโกเนส ประธานรัฐบาลแคว้นกาตาลุญญา ประกาศมาตรการประหยัดน้ำรอบใหม่ หลังระดับน้ำที่อ่างเก็บน้ำหลายแห่งในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน ลดต่ำกว่า 16% ของความจุทั้งหมด

“แคว้นกาตาลุญญา กำลังประสบกับภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุด ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา” อาราโกเนส กล่าว “เราไม่เคยเผชิญกับภัยแล้งที่ยาวนาน และรุนแรงเช่นนี้มาก่อน นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกปริมาณน้ำฝน”

ทั้งนี้ มาตรการฉุกเฉินดังกล่าว ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำในแต่ละวัน สำหรับครัวเรือนและสภาท้องถิ่น จาก 210 ลิตรต่อคน เป็น 200 ลิตรต่อคน แต่ถ้าภัยแล้งรุนแรงกว่าเดิม ขีดจำกัดอาจลดเหลือ 180 ลิตรต่อคน หรือ 160 ลิตรต่อคนได้

ข้อจำกัดการใช้น้ำ จะมีผลกับเมืองบาร์เซโลนา และสภาท้องถิ่นอีก 201 แห่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนราว 6 ล้านคน โดยมาตรการต่าง ๆ มีทั้งการห้ามใช้น้ำจืดในสระว่ายน้ำ, การล้างรถยนต์ด้วยน้ำรีไซเคิล, การใช้น้ำบาดาลในสวนสาธารณะ, การปิดห้องอาบน้ำในโรงยิม ตลอดจนการลดปริมาณน้ำในภาคส่วนเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ยกเว้นการใช้น้ำในด้านกีฬาที่ได้รับการยอมรับ

อนึ่ง แคว้นกาตาลุญญา มีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลประจำภูมิภาคระบุว่า ภัยแล้งครั้งนี้กินเวลานานกว่าภัยแล้งครั้งก่อนหน้า เมื่อปี 2551 มากกว่า 2 เท่า

นอกเหนือจากแคว้นกาตาลุญญา แคว้นอันดาลูซีอา ทางตอนใต้ของสเปน ก็ประสบกับภัยแล้งรุนแรงเช่นกัน ซึ่งทางการของทั้งสองแคว้น กำลังเตรียมนำเข้าน้ำจืดทางเรือ หากมีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐยอมรับว่า มันเป็นทางเลือกที่ไม่เพียงพอสำหรับการชดเชยการขาดแคลนน้ำฝน

แม้แคว้นกาตาลุญญา สร้างโรงกลั่นน้ำทะเลหลายแห่ง และนำมาตรการอื่น ๆ มาใช้ แต่นักรณรงค์บางคนกล่าวว่า การบริหารจัดการที่ไม่ดี ก็มีส่วนทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรง อีกทั้งการปรับปรุงการใช้น้ำเสีย และแหล่งน้ำบาดาล ถือเป็นสิ่งสำคัญ.

เครดิตภาพ : AFP