เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ลักลอบเข้ามาขโมยสายไฟ ภายในแกนกลางเป็นลวดทองแดง ของสถานีวิทยุกระจายเสียง กองทัพบก กองทัพภาคที่ 1 ในซอยสถานีวิทยุเพื่อการศึกษา หมู่ 3 ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี หลังรับทาง ร.ต.อ.ชาตรี ศรีไชยเดช รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี พร้อม ตำรวจชุดสืบสวน ร.อ.ส่งเสริม ใจสมเพ็ง นายสถานีทยุกระจายเสียง กองทัพบก กองทัพภาคที่ 1 และ กำลังทหาร ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบมีเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ลักลอบเข้ามาขโมยขุดเอาแผ่นทองแดงและตัดเอาสายไฟ ซึ่งภายในแกนกลางเป็นลวดทองแดง จากเสาส่งสัญญาณวิทยุ ในพื้นที่ของสถานีฯ ได้ของกลางเป็นแผ่นและขวดลวดทองแดง ไปเป็นจำนวนมาก

ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าตั้งแต่ปลายเสาส่งสัญญาณซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยอยู่ด้านหลังของสถานีฯ ลักษณะเป็นพื้นที่ลับตา พบมีร่องรอยการขุดดินเพื่อเอาแผ่นทองแดงและสายไฟ ที่ฝั่งอยู่ใต้ดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตร วัดระยะจากปลายเสาส่งสัญญาณ เป็นทางยาวไปจนถึงตัวอาคาร รวมกว่า 200 เมตร โดยจุดที่สายไฟฝังอยู่ เชื่อมต่อตัวอาคารฝั่งที่ไม่ได้เปิดใช้งาน พบอุปกรณ์ ที่คาดว่า คนร้ายใช้ในการลงมือก่อเหตุ ทั้งเสียม ,จอบ จำนวนหนึ่ง วางซุกไว้ใน โพรงหญ้า ตลอดจนขวดน้ำและขวดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง

นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียง ยังพบพื้นที่ด้านข้างโรงเก็บของ ซึ่งปัจจุบันถูกปิดไม่ได้ใช้งาน มีการขุดดินลักษณะเป็นหลุมๆกระจายอยู่หลายจุด เพื่อตัดเอาสายไฟ ที่ฝังดินอยู่ออกไป และที่ด้านหลังโรงเก็บของ พบสายไฟที่ถูกแกะเอาลวดทองแดงไปแล้วถูกทิ้งไว้จำนวนหนึ่ง

ขณะเดียวกัน จากการสำรวจพื้นที่โดยรอบเสาส่งสัญญาณจุดที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นทุ่งกว้าง มีหญ้าและน้ำกร่อยกระจายอยู่ทั่วทุ่ง โดยมีร่องรอยทางเดินเท้า ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางเข้าออกอยู่หลายจุด เบื้องต้นยังไม่ทราบมูลค่าความเสียหายที่แน่ชัด ทั้งนี้แต่เดิมสถานีวิทยุแห่งนี้เป็นของกรมประชาสัมพันธ์ ต่อมาได้โอนถ่ายให้ทางกองทัพภาคที่ 1 ใช้เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียง จึงทำให้พื้นที่หรืออุปกรณ์บางส่วนไม่ได้ถูกใช้งาน

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบร่องรอยหลักฐานในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน โดยมีการเข้ามาสำรวจสถานที่ก่อนลงมือ และอาศัยช่วงกลางดึกเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งเป็นช่วงที่มีพลทหารเฝ้าเครื่องส่งอยู่ในห้องของสถานีเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการสืบสวนแกะรอย เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.