สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานซัลวาดอร์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ ปรากฏว่า ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ผู้นำคนปัจจุบัน ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน “ท่วมท้น” มากกว่า 85% รักษาตำแหน่งผู้นำเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน


บูเคเล วัย 42 ปี ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมัยแรก เมื่อเดือน มิ.ย. 2562 ประกาศเมื่อปีที่แล้ว ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำเอลซัลวาดอร์ให้ได้เป็นสมัยที่สอง หลังศาลฎีกาคำพิพากษา อนุญาตให้บูเคเลลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกครั้ง “โดยต้องออกจากตำแหน่งนานไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนถึงวันลงคะแนน” บูเคเลจึงประกาศ “ลากิจ” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และมีการแต่งตั้งหัวหน้าคณะเลขาธิการประธานาธิบดี ให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการ


อย่างไรก็ตาม มติของศาลสูงสุดก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของเอลซัลวาดอร์ยังคงระบุชัดเจน ว่าประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียงสมัยเดียว นานสูงสุดเป็นเวลา 6 ปี

ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ผู้นำเอลซัลวาดอร์ แถลงที่กรุงซานซัลวาดอร์


ทั้งนี้ บูเคเลยังคงได้ใจประชาชนในประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ จากการใช้มาตรการจริงจังตามกฎหมาย ปราบปรามแก๊งอาชญากรรมในเอลซัลวาดอร์ แม้ในเวลาเดียวกัน บรรดานักสิทธิมนุษยชนพากันประณาม การที่รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ให้อำนาจแก่ตำรวจและทหาร “มากเกินไป” จนกลายเป็นการ “จับกุมนอกกฎหมาย” แต่ผู้นำเอลซัลวาดอร์กล่าวว่า การที่เอลซัลวาดอร์มีอัตราการคุมขังนักโทษสูงที่สุดในโลก คือการที่รัฐบาลปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบ้านเมือง จากการเคยเป็นประเทศอันตรายที่สุด ให้ปลอดภัยที่สุดในซีกโลกใต้


อนึ่ง การที่เอลซัลวาดอร์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น เป็นที่จับตาของหลายประเทศในภูมิภาคแห่งนี้ โดยเฉพาะสหรัฐ หนึ่งในนั้น คือโครงการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติใหม่ ในเขตชานกรุงซานซัลวาดอร์ ใช้งบประมาณราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,558.50 ล้านบาท) และส่วนใหญ่มาจากจีน.

เครดิตภาพ : AFP