สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่า นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวเรียกร้องให้สมาชิกทั้ง 31 ประเทศ ร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธ ทั้งเพื่อเพิ่มปริมาณอาวุธในคลังแสง และเพื่อให้การมอบความสนับสนุนด้านอาวุธแก่ยูเครนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ สโตลเทนเบิร์กยืนยันว่า “นาโตไม่เคยต้องการทำสงครามกับรัสเซีย” อย่างไรก็ตาม การเตรียมความพร้อมเป็นเรื่องที่จำเป็น เนื่องจากการเผชิญหน้าจะยังคงมีแนวโน้มยืดเยื้อต่อไปอีกหลายทศวรรษ


การเรียกร้องของเลขาธิการนาโตเกิดขึ้น ท่ามกลางภาวะตึงเครียดของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ 3 และรัฐบาลเคียฟเดินหน้าเรียกร้องขอความสนับสนุนด้านอาวุธเพิ่มเติมจากฝ่ายตะวันตกอีก ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีโต้กลับซึ่งกองทัพยูเครนเป็นฝ่ายเปิดฉาก เมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว กลับแทบไม่มีความคืบหน้ามากนัก ตรงกันข้ามกับที่กองทัพรัสเซียรุกคืบพื้นที่ในภูมิภาคโดเนตสก์ ที่อยู่ทางตะวันออก


ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวระหว่างการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี ที่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ว่าการที่สภาคองเกรสซึ่งตอนนี้พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก “ล้มเหลว” ในการไม่สนับสนุนยูเครน “ไม่ต่างอะไรกับการก่ออาชญากรรม”


อนึ่ง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ในรายการของนายทักเกอร์ คาร์ลสัน ผู้สื่อข่าวสายขวาจัดชื่อดังของสหรัฐ ซึ่งออกอากาศครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดี ว่าฝ่ายตะวันตก “ควรทำความเข้าใจ” เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ซึ่งเปิดฉากเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะชนะรัสเซีย” หากต้องการให้สงครามยุติจริง ตะวันตกต้องเลิกส่งอาวุธให้ยูเครน และความพยายามขยายอิทธิพลทางตะวันออกของนาโต “คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง”.

เครดิตภาพ : AFP