วันที่ 22 ก.พ. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เป็นประธานในการแถลงนโยบายในการขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผู้บริหารของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมงาน และมีผู้ว่าราชการทุกจังหวัดและองคร์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ 7,850 หน่วยงานเข้าร่วมรับฟังในงานและผ่านทางออนไลน์

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวว่า ดีอีได้ขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเร่งผลักดันการแก้ไข ป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 7,850 หน่วยงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อันเนื่องมาจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ให้มีการแต่งตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล PDPC Eagle Eye (พีดีพีซี อีเกิ้ลอาย) ทำหน้าที่ตรวจสอบ ค้นหาและเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลว่าเกิดจากหน่วยงานไหน หรือช่องทางใด และเมื่อพบข้อบกพร่องของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ เร่งประสานแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานนั้น เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยเร็ว

ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่า ศูนย์ PDPC Eagle Eye ได้ตรวจพบการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลประชาชนบนเว็บไซต์ของหน่วยงานต่างๆ อย่างเกินความจำเป็นหรือไม่มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม จึงขอเน้นย้ำและขอความร่วมมือสำหรับกรณีที่มีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยการใช้ตัวเลขพรางแทนข้อมูลส่วนบุคคล หรือ “X5” (“เอ็กซ์-ไฟฟ์”) คือ การเติมตัว X 5 ตัวเป็นอย่างน้อย เพื่อพรางไม่ให้มีการระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยง่ายและเพื่อป้องกันการนำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไปใช้โดยมิชอบ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงดีอี ผลักดันให้การแก้ปัญหาภัยออนไลน์ เป็น 1 ใน 7 Flagships นโยบายหลักของกระทรวง และ 1 ในมาตรการดังกล่าวคือ การจัดตั้งศูนย์ PDPC Eagle Eye เพื่อตรวจสอบ ค้นหาและเฝ้าระวังข้อมูลรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล โดยจากการเฝ้าระวังที่ผ่านมา ตรวจพบว่าข้อมูลรั่วไหลกว่า 50% ของจำนวนข้อมูลรั่วไหลที่ตรวจพบเป็นข้อมูลรั่วไหลจากหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดังนั้น กระทรวงดีอี และ PDPC จึงขอมอบนโยบายการป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 7,850 หน่วยงาน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

1. ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเกินความจำเป็น หรือเปิดเผยโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม โดยขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งหมด ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล ทั่วประเทศ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเผยแพร่หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ควรแทน หรือ พรางข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตัวอักษร X 5 ตัวเป็นอย่างน้อย เพื่อพรางไม่ให้มีการระบุตัวตนได้โดยง่ายและเป็นการป้องกันการนำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไปใช้โดยมิชอบ เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน XXXXXXXXX8890 หรือ เบอร์โทรศัพท์ XXX XX61122

2. แต่งตั้งผู้ประสานงานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้ทุกหน่วยงานหรือทุกจังหวัดแต่งตั้งผู้ประสานงานประจำหน่วยงานหรือประจำจังหวัดขึ้นและแจ้งมายัง PDPC เพื่อเป็นเครือข่ายในการสอดส่องดูแลและประสานงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับ PDPC ต่อไป

3. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลหน่วยงานที่อยู่ภายใต้กำกับปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การป้องกันและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

4. ให้ความร่วมมือกับ PDPC ตามแผนการถ่ายทอดความรู้ ในการสร้างความตระหนักรู้การป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่ อปท. ทุกหน่วยทั่วประเทศ

หากประชาชนผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านใดที่ได้รับความเสียหายจากการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถร้องเรียนกับ PDPC ได้