ฮัลโหลๆ แฟนๆที่รักๆของอิชั้น “ชาวบ้าน1/4 แยก 8” ผู้ขนข้าวขนของมาจับจองห้องใหม่ในบ้านหลังนี้ ขอทักทายทุกคนอีกรอบจ๊ะ สัปดาห์นี้ก็มาเจอกับอิชั้นเช่นเคย ไม่อยากจะเม้าท์น้อยแต่อยากเม้าท์เยอะ และเชื่อว่าหลายคนสนใจแน่นอน

มาจ๊ะเข้าเรื่องเลยสำหรับประเด็นที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด สำหรับเรื่องราวของ “น้องธีร์-น้องพีร์” ลูกชายฝาแฝดของ “พ่อบีม กวี” และ “แม่ออย อฏิพรณ์” หลังจากที่ครอบครัวได้ไปออกงานอีเวนต์งานหนึ่ง ซึ่งมีแฟนคลับมาให้กำลังใจ และมอบของขวัญให้ลูกชายฝาแฝดกันอย่างมากมาย โดยเหล่าแฟนๆ ให้ของขวัญที่ดูเหมือนจะไม่เท่ากัน ซึ่งดูเหมือนว่าน้องพีร์จะได้ของเยอะมาก อาทิ เสื้อกั๊กที่เป็นเงินแบงก์ 100, ร่มคันใหญ่ที่เป็นเงินแบงก์ 100 และแฟนคลับยังหอบของเล่นมาให้เยอะมาก แต่ในขณะที่น้องธีร์ได้ร่มเหมือนกัน แต่เป็นร่มแบงก์ 20 และมีขนาดเล็กกว่ากันมาก จึงทำให้ชาวเน็ตดูสงสารเด็ก พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมพ่อแม่ถึงทนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ขนาดนี้นั้น

งานนี้พอมีการวิจารณ์กันไป ชาวเน็ตผู้เป็นคนเปิดปมเองก็ขอขยี้ปมนี้เองด้วยการขุดคลิปของบีม กวี และ ออย อฏิพรณ์ ที่เคยออกมาพูดในคำถามที่ว่า “คิดยังไงที่ FC ให้ของลูกไม่เท่ากัน” โดย บีม เผยว่า “จริงๆ เราเข้าใจ มันก็เกิดขึ้นกับผมเหมือนกันตอนที่เป็น D2B มี 3 คน แฟนคลับแต่ละคนก็แบบอยากจะให้คนนี้ แต่อีก 2 คนก็จะเอามาเผื่อ เอามาฝากเฉยๆ คือโลกมันไม่มีอะไรที่เท่าเทียมกันร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว” ด้าน ออย ก็เผยว่า “พอมาถึงบ้านของทุกอย่างก็เอามารวมกัน สุดท้ายก็เล่นด้วยกัน ไม่ได้แยก ไม่มีอันไหนเป็นของใคร อาจจะมีแย่งคาแรกเตอร์การ์ตูนบ้าง แต่สุดท้ายก็เล่นด้วยกัน ไม่ได้แยก พร้อมย้ำว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บางทีมีคนดราม่าว่าทำไมแฟนคลับให้คนนี้ ไม่ให้คนนั้น คนเป็นพ่อแม่ก็พยายามจะบาลานซ์ และไม่อยากให้เกิดดราม่าหรือจับผิดอะไรขนาดนั้น เพราะสุดท้ายคนที่เขาให้ของจะเสียใจที่เขาถูกตำหนิ ทั้งที่เขามีเจตนาที่ดี การที่ครอบครัวมาถึงตรงนี้ก็อยากจะให้ทุกคนมีความสุข และขอบคุณที่รักและเอ็นดูลูกๆ ทั้งสองคน”

จริงๆจะว่าไปจากการขุดคลิปของบรรดา “แม่ทิพย์” หรือ “พ่อทิพย์” ในโลกออนไลน์ออกมาก็ทำให้มีกระแสการพูดถึงการเลี้ยงลูกของดาราได้อย่างหลากหลายมาก โดยหลายคนพุ่งเป้าไปที่ “ความรู้สึกของเด็ก” ที่พูดเลยว่าตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ได้รู้เรื่องอะไร หรือเข้าใจความปรารถนาดีทั้งจากพ่อแม่หรือชาวเน็ตเองก็ตาม แต่ในอนาคต เรื่องเหล่านี้ยังคงอยู่ในโลกออนไลน์ไม่ได้หายไปไหน พอเด็กๆโตขึ้นถ้าเกิดเขาไปค้นหาข่าวเจอหรือคนใกล้ตัวมีการพูดถึงเรื่องนี้แล้วเขามีการนำไปคิดต่อ แน่นอน มันเกิดผลลัพธ์ในใจน้องธีร์และน้องพีร์แน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะการน้อยใจหรือนำไปสู่ “ปมด้อย” ในอนาคตก็เป็นได้

ดังนั้น ชีวิตดาราหรือลูกดารามันก็เหมือนกับ “ดาบสองคม” มีทั้งดีและไม่ดี สองด้าน แต่สิ่งที่ “ชาวเน็ต” อย่างเราๆหรือคนรอบข้างอย่างเราๆทำได้ดีที่ไม่ให้ดาบสองคมนี้ทิ่มแทงความรู้สึกเด็กๆดั่งปากพูด ก็คือการไม่สานต่อดราม่าให้มันลุกลาม เพราะยิ่งมีคนพูดมากเท่าไหร่ และยิ่งมีการเปรียบเทียบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งร่นระยะเวลาให้เด็กๆ เห็นข่าวที่กระทบความรู้สึกเหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าไม่เอาเรื่องเล็กๆน้อยๆ มาขยี้เพื่อให้โลกออนไลน์พูดต่อ และที่จะบอกก็คือเรื่องบางเรื่อง “ข้ามมันไปบ้างก็ได้” อย่าคิดหรือปั้นให้ดราม่านักเลย

สงสารเด็กและปวดหัว!

พบกันอีกสัปดาห์ต่อไปจ๊ะ บาย