เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ก.พ. ที่ รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และคณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553 (คปช.53) พร้อมญาติผู้สูญเสีย ยื่นหนังสือถึงนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อทวงคืนสัญญารื้อฟื้นคดีที่ถูกแช่แข็งตั้งแต่ปี 2553

โดย นพ.เหวง กล่าวว่า เรามีข้อเสนอ ดังนี้ 1.ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่มีอำนาจสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนพรรคการเมืองฝ่าย ตัวแทนตัวแทนผู้สูญเสีย นักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน นักกฎหมาย เพื่อตรวจสอบคดีความกรณีปี 2553 ที่ถูกแช่แข็ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามหลักนิติรัฐนิติธรรม รวมทั้งคดีความที่ถูกปฏิบัติต่อเยาวชน ประชาชนปี 2563 ให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้ลงนามหลักสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงเร่งรัดคดีความที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนและยังค้างคาอยู่ที่หน่วยงานต่างๆ 2.แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระธรรมนูญศาลทหาร พระธรรมนูญศาลยุติธรรม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่ทหารและนักการเมือง ทำความผิดทางอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหาร นักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 3.ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ 2553 ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับ มาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่ประการใด

นพ.เหวง กล่าวต่อว่า 4.ดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชนให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง 5.แก้ไขกฎหมายอื่นอันเป็นผลพวงการทำรัฐประหาร รวมทั้ง พ.ร.บ.องค์กรรัฐซ้อนรัฐ กอ.รมน. กฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 ที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง 6.ดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระอย่างจริงจัง 7.กระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ เจ้าขุน มูลนาย และการคอร์รัปชั่นส่งนายใหญ่ตามลำดับ ให้ผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งของประชาชนและถูกตรวจสอบได้ง่าย และ 8.ให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด หรือมาจากประชาชนโดยอ้อม ผ่านการคัดสรรตามโควตา สส. ในรัฐสภา ของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งทั่วไป

นพ.เหวง กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เราสนับสนุนการนิรโทษกรรมคดีความของผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเรียกร้องทวงความยุติธรรมของประชาชน เพื่อการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำผิดกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศตามหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงข้อเรียกร้องของเราในกรณีการปราบปรามประชาชนปี 2553 เป็นข้อเรียกร้องให้รัฐดำเนินการตามกฎหมายของประเทศและระหว่างประเทศที่เราลงนามไปแล้ว เพื่อที่ในอนาคตจะได้ไม่มีการฆ่าประชาชนมือเปล่ากลางถนนครั้งแล้วครั้งเล่าอีกต่อไป

ด้านนายชัยธวัช กล่าวว่า ในฐานะฝ่ายค้านเราพยายามที่จะค้นหาข้อเท็จจริง เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเหตุการณ์การสลายการชุมนุม ในเดือน เม.ย. และ พ.ค. 2553 แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะยังเป็นฝ่ายค้านอยู่ เราพยายามทำอย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้ประสานงานกับ รมว.ยุติธรรม อยู่เป็นระยะ เพื่อที่จะติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์ทั้งหมด ที่ค้างอยู่ในสารบบ ซึ่งยังไม่มีการสั่งฟ้องขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาลยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่มีการยื่นสั่งฟ้องไปแล้ว แต่ก็ยังถูกตีตกด้วยสาเหตุ ในแง่เทคนิคทางกฎหมาย อย่างน้อยทั้ง 62 ศพ ที่ยังไม่มีการไต่สวนการเสียชีวิตจนถึงวันนี้ ก็มีการติดตามอยู่เป็นระยะ เพื่อที่จะมีการผลักดันให้คดีความเหล่านี้มีความคืบหน้า ก็เป็นเรื่องที่เราติดตามอยู่ จึงขอแจ้งให้ญาติวีรชนได้รับทราบ

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการรับข้อเสนอเพื่อผลักดันให้มีคณะกรรมการในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งน่าจะมีหลายช่องทาง ทั้งนี้ หากจะให้มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการชุดนี้ต้องมีอำนาจทางกฎหมายพอสมควร ซึ่งตนก็อยู่ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการตราร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ได้พูดคุยกันเฉพาะเรื่องนิรโทษกรรมเพียงอย่างเดียว แต่มีการค้นหาความจริงเกี่ยวกับความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดคือการสลายการชุมนุมปี 2553 โดยตนใช้ช่องทางนี้ในการผลักดันด้วย ขณะเดียวกัน กมธ. ของสภา ก็น่าจะทำได้ แต่อาจจะมีข้อจำกัดในการเรียกพยานหลักฐานและบุคคล รวมถึงจะมีการหารือกันกับ กมธ.การกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าจะมีฝ่ายรัฐบาลเป็นประธาน กมธ. แต่ก็คิดว่าจะสามารถพูดคุยกันได้

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พรรคก้าวไกล ยังได้มีการพิจารณากฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาทบทวนกฎหมายความมั่นคงต่างๆ ที่เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐ สามารถละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงได้ โดยที่ไม่ต้องรับผิด รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมปี 2553 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมาก.