นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทมิลเลนเนียมกรุ๊ปคอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย กรีนเทค จำกัด ภายใต้กลุ่ม MGC-ASIA ลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับกลุ่มอรุณ พลัส ซึ่งเป็นบริษัท EV Flagship ดำเนินธุรกิจ EV Value Chain แบบครบวงจร ที่กลุ่ม ปตท. ถือหุ้น 100% ตั้งบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ครอบคลุม 1. ธุรกิจจัดจำหน่าย การตลาด ตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายแบบครบวงจร 2. ธุรกิจผลิตยานยนต์รวมทั้งโอกาสการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ 3. ธุรกิจจัดการขยะแบตเตอรี และโอกาสการลงทุนในโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี 4. ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ EVme เพื่อเป็นช่องทางการทำการตลาดและการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครอบคลุมทุกมิติ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“การร่วมมือกับบริษัท อรุณ พลัส นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะช่วยรองรับการเปลี่ยนผ่านจากยุคของยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง ไปสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าโดยการนำ Ecosystem ที่แข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มมาประสานรวมกัน เพื่อสร้างการเติบโตแบบ Synergy ผนักดันให้เกิด New S-curve จากการมีสินค้าและบริการที่ครบวงจร โดยดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า ครอบคลุมบริการครบวงจร กระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนพร้อมขานรับนโยบายภาครัฐ ในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตตั้งเป้าเปิดตัวและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567”

สำหรับปี 2567 ทางกลุ่มตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นจาก 25,133 ล้านบาท เป็น 30,110 ล้านบาท หรือเติบโต 19.8%โดยเฉพาะการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Zeeker และแบรนด์เอ็กซ์เผิง ซึ่งสอดรับกับเทรนด์ตลาดรถยนต์ในเมืองไทยที่กำลังเติบโต และเมื่อร่วมทำธุรกิจกับกลุ่ม ปตท. ซึ่งมีความพร้อมด้านเครือข่ายอยู่แล้ว เชื่อว่าจะสนับสนุนรายได้ให้โตตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯวางเป้าหมายสร้างการเติบโตโดดเด่นทุกกลุ่มธุรกิจผ่านกลยุทธ์ขับเคลื่อนแต่ละกลุ่มธุรกิจดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ กลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตให้กลุ่มธุกิจ นอกจากนี้กลุ่ม Marine Business ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูงโดยมีรายได้ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ากลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายสร้าง Marine Business Ecosystem ที่แข็งแกร่งผ่านการรักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายฐาน และเมื่อลูกค้าใหม่ นำเสนอบริการที่ครอบคลุมรวมทั้งขยายฐานบริการอย่างเต็มรูปแบบ โดยกลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่ Azimut Yachts S7 ที่ Ocean Marina Pattaya และ Chris-Craft รุ่นใหม่ ที่โครงการริเวอร์เดล มารีน่า ปทุมธานี

2. ธุรกิจให้บริการหลังการขาย สัดส่วนรายได้จากบริการหลังการขายมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง จากความไว้วางใจของลูกค้า โดยในปี 2566 มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 201,051 ครั้ง เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และรายได้ต่อการบริการต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 17,926 บาท เป็น 18,195 บาท นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯยังได้รับความไว้วางใจจาก Tesla ให้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังให้ พร้อมมีแผนขยายสาขาเพื่อรองรับการเติบโตยานยนต์ไฟฟ้า

3. ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และพนักงานขับรถ ปี 2566 จำนวนรถให้เช่าระยะสั้น ภายใต้แบรนด์ SIXT ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยเฉพาะการเพิ่มรถยนต์ในกลุ่มพรีเมียม รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้นโดยในปี 2566 รายได้เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านรถเช่าระยะยาวในปี 2566 จำนวนรถให้เช่าเติบโต 20% ทำให้ภาพรวม บจก.มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล มีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2567 บริษัทฯมีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ให้เช่า เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น 4. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟาเอกซ์ จำกัด บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์