เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฮีเทอร์ อินสลีย์ จากเมืองรัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา อยู่ในภาวะเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อ ฌอน คอกซ์ ลูกชายวัย 43 ปีของเธอเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาของเธอ หลังจากป่วยและรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมงต์ฟอร์ตในเมืองออตตาวา 

หลังจากนั้น อินสลีย์ และครอบครัวก็วางแผนเรื่องงานศพของ คอกซ์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ความตั้งใจของ คอกซ์ ซึ่งกลายเป็นผู้บริจาคอวัยวะ หลังจากที่เขาเสียชีวิต 

แต่แล้ว ในวันเดียวกันกับที่พวกเขาเผาร่างของ คอกซ์ นั้นเอง อินสลีย์ ก็ได้รับข้อความทางโทรศัพท์เพื่อขอเงิน โดยระบุว่าส่งมาจากลูกชายของเธอที่ตายไปแล้ว

ในตอนแรก สามีของ อินสลีย์ มองว่าเป็นข้อความจากแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินที่ปลอมตัวเป็น คอกซ์ 

วันต่อมา อินสลีย์ ก็ได้รับข้อความทำนองเดียวกันอีกครั้ง เธอตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปยังหมายเลขที่ส่งข้อความมาให้ แล้วก็พบว่าคนที่รับสายนั้น มีเสียงพูดที่เหมือนลูกชายของเธอเปี๊ยบจนทำให้เธอตื่นตกใจอย่างมาก

ฮีเทอร์ อินสลีย์ ผู้ได้ลูกชายคืนมาอย่างไม่คาดฝัน

หลังจากนั้น ครอบครัวของ อินสลีย์ ได้ขอความช่วยเหลือจากตำรวจและสามารถตามรอยโทรศัพท์จนพบตัว คอกซ์ ที่ห้องพักของเขาในที่สุด

อินสลีย์ เล่าว่า เธอดีใจมากที่ลูกชายยังไม่ตาย แต่ก็เสียใจเก้อไปแล้ว และยังมีคำถามต่อไปว่า ถ้าหากลูกชายของเธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วใครคือคนป่วยในโรงพยาบาลที่เสียชีวิตไปตรงหน้าเธอภายใต้ชื่อของ ฌอน คอกซ์

ส่วน คอกซ์ เล่าว่า เขาไม่รู้เรื่องการป่วยและการรักษาที่โรงพยาบาลเลยจนกระทั่งพ่อแม่เล่าให้เขาฟัง ชายผู้ต้องต่อสู้กับภาวะติดยาเสพติดมานานหลายปี รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังได้รับโอกาสครั้งที่ 2 ในการใช้ชีวิต

ฌอน คอกซ์ ก่อนที่จะร่างกายผ่ายผอมและทรุดโทรมเพราะยาเสพติดจนกระทั่งคนในครอบครัวยังจำไม่ได้

อินสลีย์ สันนิษฐานว่า พยาบาลคนหนึ่งของโรงพยาบาลมงต์ฟอร์ตคิดว่าผู้ตายซึ่งก่อนหน้านั้นเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลเนื่องจากเสพยาเกินขนาดราว 2 เดือนก่อนเขาเสียชีวิต คือลูกชายของเธอ 

คอกซ์ เองก็ติดเสพยา เขาย้ายที่อยู่บ่อยครั้งและไม่ค่อยติดต่อกับครอบครัว ทำให้ที่บ้านของเขากังวลมาตลอดว่าจะได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่าพบตัวเขาอยู่ในสภาพเสพยาเกินขนาด เมื่อได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาล อินสลีย์ จึงไม่มีความสงสัยเลยว่านั่นจะไม่ใช่ลูกชายของเธอ

อินสลีย์ กล่าวว่า เธอและคนที่บ้านอีก 5 คนที่เคยไปเยี่ยมผู้ตายที่โรงพยาบาลนั้น ไม่เคยถามผู้ป่วยบนเตียงเลยว่าเขาคือ ฌอน คอกซ์ ใช่หรือไม่ เธอยังเล่าว่าผู้ตายตัดผมทรงเดียวกับลูกชายของเธอ เส้นผมของเขายังเหมือนกันมาก รวมถึงมีขนตายาวเป็นแพเหมือนกันด้วย และถึงแม้ คอกซ์ จะมีรอยสักที่ขาทั้งสองข้าง แต่ตลอดเวลาที่เขาอยู่บนเตียงก็มีผ้าห่มคลุมท่อนล่างทุกครั้งที่พวกเขาเข้าเยี่ยม

นอกจากจะเข้าใจผิดว่าผู้ตายเป็นลูกชายแล้ว เธอยังเป็นคนเซ็นเอกสารอนุญาตยอมบริจาคอวัยวะของเขาหลังจากที่เขาเสียชีวิต

หลังจากพบความผิดพลาด มาร์ติน โซเว ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของโรงพยาบาลมงต์ฟอร์ตก็แถลงขออภัยครอบครัว อินสลีย์ และครอบครัวของผู้ตายที่ทำให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว

ผู้ตายเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2567 และเสียชีวิตหลังจากนั้นเพียง 3 วัน ผู้อำนวยการโซเว ระบุว่า ทางโรงพยาบาลตรวจสอบพบว่ามีการระบุชื่อคนไข้ผิดตัวเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 

โซเว กล่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว อินสลีย์ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามอื่น ๆ เพียงยืนยันว่าตอนนี้สามารถระบุตัวผู้ตายและแจ้งข่าวไปยังครอบครัวของเขาเรียบร้อยแล้ว

ที่มา : cbc.ca/news

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES