นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ เอ็ตด้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายองค์กรในไทย ได้มีการนำนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น แต่จากการสำรวจช่วงที่ผ่านมาของ เอ็ตด้า พบว่า องค์กรไทยที่มีความพร้อมในการประยุกต์ใช้เอไอ อย่างมีธรรมาภิบาล มีเพียง 15% เท่านั้น ส่วนอีก 65% มีแผนที่จะเริ่มใช้งานและอยากจะใช้ และสาเหตุที่ยังไม่ใช้เพราะข้อจำกัดของงบประมาณ ความรู้ความเข้าใจของบุคลากร และขาดการสนับสนุนในระดับนโยบาย เป็นต้น

“ศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอจีซี ภายใต้เอ็ตด้า จึงมีนโยบายเข้าไปช่วยส่งเสริมและสนับสนุน ให้ทุกภาคส่วนเกิดการประยุกต์ใช้ เอไอ อย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยง และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ได้พัฒนา เอไอ กัฟเวอร์แนนท์ ไกด์ไลน์ ฟอร์ เอ็กซ์คูซีฟ เพื่อใช้เป็นคำแนะนำหรือแนวปฏิบัติ ที่หลายองค์กรเริ่มนำไปใช้ สำหรับการกำกับดูแลการประยุกต์ใช้ เอไอ ในมุมมองของผู้บริหารองค์กร ซึ่งจะช่วยนำไปสู่ความเชื่อมั่น และยอมรับต่อไป”

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางศูนย์เอไอจีซี ยังมีในส่วนของการให้คำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในด้านนโยบายและเทคนิคพร้อมให้คำปรึกษาแบบเจาะลึก รวมถึงมีการพัฒนาหลักสูตรประจำปี คือ เอไอ เอ็กซ์คูซีฟ โปรแกรม : ดิจิทัล เฮลท์แคร์ (เอไอเอ็กซ์) ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของไทยที่เจาะในประเด็น เอไอ กัฟเวอร์แนนท์ หรือหลักธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ สำหรับผู้บริหาร ผู้นำองค์กร ตลอดจนนักวิจัยและผู้ที่สนใจ สำหรับประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมดิจิทัล เฮลท์ แคร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบต่อบุคคล องค์กร และสังคมด้วย

“หลักสูตร เอไอเอ็กซ์ จะมีเนื้อหาสำหรับผู้บริหาร ผู้นำองค์กร และนักวิจัย ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เอไอ อย่างมีธรรมาภิบาล ในวงการทางการแพทย์ ครอบคลุมตั้งแต่การความเข้าใจเกี่ยวกับ เอไอ แลนด์สเคป ไปจนถึงการใช้งาน เอไอ ในระดับองค์กรได้จริง ในมุมมองของผู้บริหารที่ต้องตัดสินใจใช้เทคโนโลยีเข้มข้น ด้วยตัวอย่างการใช้งานที่ทันต่อเหตุการณ์ พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองกับคนที่มีประสบการณ์ด้านเอไอ ในไทยและต่างประเทศ” นายชัยชนะ กล่าว