เมื่อเวลา 04.53 น. วันที่ 20 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทองใส ทับถนน ศิลปินมรดกอีสาน สาขาศิลปะการแสดง ดนตรีพื้นบ้าน (พิณ) ปี พ.ศ. 2555 เป็นนักดนตรีพิณและนักแต่งเพลงชาวไทยที่มีชื่อเสียง และอดีตสมาชิกวงเพชรพิณทอง เสียชีวิตที่บ้านพักอย่างสงบ ด้วยวัย 77 ปี

สำหรับ ทองใส ทับถนน นั้นเกิดเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2490 ที่บ้านหนองกินเพล ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นบุตรของนายปิ่น ทับถนน กับนางหนู ทับถนน ผู้เป็นบิดานั้นมีความสามารถโดดเด่นด้านหมอลำพื้นบ้าน และการแสดงหนังบักตื้อ (หนังปราโมทัย) และนายปิ่น ทับถนนยังเป็นลูกศิษย์ของหมอลำทองคำ เพ็งดี ผู้มีชื่อเสียงด้านลำกลอนในสมัยนั้น

ทองใส ทับถนน เริ่มฝึกดีดพิณ เมื่ออายุ 4 ขวบ โดยมีครูบุญ บ้านท่างอย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นผู้ฝึกสอนการดีดพิณเป็นคนแรก จนอายุได้ 8 ขวบ จึงได้เล่นพิณประกอบคณะหมอลำของนายปิ่น ทับถนน ผู้เป็นพ่อ จากนั้นจึงได้เรียนรู้ลายพิณโบราณกับครูบุญชู โนนแก้ว แห่งบ้านโนนสังข์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ศิลปินมือพิณพื้นบ้านตาพิการ เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จึงได้ตระเวนเล่นดนตรีกับคณะหมอลำปิ่น ทับถนนเรื่อยมา พ.ศ. 2511 

เมื่ออายุได้ 21 ปี ได้เข้าประจำการเป็นทหารเกณฑ์ที่กองพันทหารปืนใหญ่ ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จึงได้มีโอกาสเป็นนักดนตรีวงดนตรีสากลประจำกองพันทหารปืนใหญ่ ได้นำพิณมาประยุกต์กับดนตรีสากลสมัยใหม่ และเรียนรู้การเล่นดนตรีตามแบบสากลนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ชีวิตครอบครัว ได้สมรสและมีบุตรธิดา 3 คน พ.ศ. 2548 ได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ดนตรีศึกษา) จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี หลังพ้นเกณฑ์ทหารในปี พ.ส. 2513 ครูทองใส ทับถนน จึงกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดและได้สมัครเข้าเป็นนักดนตรีคณะลูกทุ่งอีสาน ของนายนพดล ดวงพร ภายใต้ฉายา ทองใส หัวนาค ทั้งนี้ เพราะมีพิณแกะสลักเป็นรูปพญานาคเป็นเครื่องดนตรีคู่กาย พ.ศ. 2514 นพดล ดวงพร ได้รับเชิญให้นำวงดนตรีลูกทุ่งอีสานประยุกต์ไปแสดงถวายหน้าพระที่ประทับที่เขื่อนอุบลรัตน์ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อวงดนตรี ลูกทุ่งอีสาน พิณประยุกต์ มาเป็นวง เพชรพิณทอง ซึ่งถือว่าเป็นนามมงคลอันเกิดจากการถวายพิณในครั้งนั้น ต่อมาได้นำเอาคอนแทรกไฟฟ้ามาประกอบกับพิณ และถือว่าเป็นพิณไฟฟ้าตัวแรกของเมืองไทย และได้เล่นดนตรีกับวงดนตรีเพชรพิณทอง ตลอดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 จนได้ยุติวง 

ส่วนรางวัลและการเชิดชูเกียรติ พ.ศ. 2543 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปินดีเด่นสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีอีสาน) จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2544 ได้รับประกาศเกียรติคุณผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมวัฒนธรรมดีเด่น จากสำนักพัฒนาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เขตการศึกษา 10 พ.ศ. 2545 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้านศิลปกรรม (ดนตรีพื้นบ้าน-พิณอีสาน) รุ่นที่ 2 ปี พ.ศ. 2545 วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ง.ภ.) 

วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2547 ได้รับรางวัลสุดยอดศิลปินอีสาน ประเภทพิณอีสาน เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2555 ได้รับรางวัลศิลปินมรดกอีสาน สาขาศิลปะการแสดง ดนตรีพื้นบ้าน (พิณ) พ.ศ. 2555 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัลสุกรีเจริญสุข ผู้ทำดีความดีเพื่อสังคม สาขาการส่งเสริมดนตรี พ.ศ. 2558 ได้รับยกย่องเชิดชูเป็นมูนมังเมืองอุบลราชธานี สาขาศิลปะการแสดง พ.ศ. 2562 ได้รับรางวัลพระธาตุนาดูนทองคำ ประจำปี 2562 ประเภทบุคคลดีเด่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาขาทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผลงานมีมากกว่า 50 ชุด อาทิ ชุดปู่ป๋าหลาน ชุดลำเพลินโบราณ ชุดแข่งเรือยาวชุดบุญกัณฑ์หลอน ชุดแห่บุญผะเหวด.